ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ผนึกความร่วมมือกับมั่นคงเคหะการ ไมเนอร์ เปิดตัวโครงการ ‘รักษ’ ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม เป็นที่หนึ่งระดับ World-Class Medical Wellness Destination

ตามที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์นานาชาติ หรือ Medical Hub เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตและยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน รวมไปถึงการมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพในระดับสากลนั้น ปัจจุบันมีการขยายนโยบายดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) ถือเป็นโอกาสอันดีในการยกระดับด้านการท่องเที่ยวผสมผสานกับด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นจุดเด่นและข้อได้เปรียบของประเทศไทย

สอดคล้องกับข้อมูลการจัดอันดับของ Global Wellness Institute ายงานว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทยติดอันดับ 13 ของโลก สามารถสร้างรายได้มากกว่า 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ The International Healthcare Research Center (IHRC) ระบุว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของประเทศไทยติดอันดับ 6 ของโลก โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ร้อยละ 38 ของจำนวนนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด และตลาดมีแนวโน้มเติบโตราวร้อยละ 14 ต่อปี

RAKxa รักษ World Class Medical Wellness-6

(จากซ้าย-ขวา) วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน), เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, วิลเลี่ยม อี. ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

RAKxa รักษ World Class Medical Wellness-2

RAKxa รักษ World Class Medical Wellness-8

ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ปักธงผู้นำด้าน Medical & Wellness Tourism ชูบริการใหม่ ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า ผนึกความร่วมมือกับมั่นคงเคหะการและไมเนอร์ เปิดตัวโครงการ ‘RAKxa’ ‘รักษ’ ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย และเป็นที่หนึ่งระดับ World-Class Medical Wellness Destination

RAKxa รักษ World Class Medical Wellness-7

เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า “การร่วมผนึกกำลังครั้งสำคัญของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในด้าน Medical &Wellness Tourism Hub ที่ร่วมกับ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวของความสำเร็จในการริเริ่มโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรที่ดีเยี่ยม และมีวิสัยทัศน์การดำเนินงานในทิศทางเดียวกันเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของไทยสู่ระดับสากล ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายระดับประเทศ ที่ต้องการยกระดับให้ไทยกลายเป็น Medical & Wellness Resort of the World ซึ่งศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ประเทศก้าวสู่จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพในระดับโลก”

ด้วยประสบการณ์การดำเนินการมา 20 ปี ของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ซึ่งเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย เรามุ่งมั่นและยึดถือในการส่งมอบการส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกัน ด้วยหลัก 3 ประการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของไวทัลไลฟ์ 1. TOTAL PERSONALIZATION การดูแลสุขภาพโดยออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล ซึ่งการออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อความแม่นยำในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เนื่องจากแต่ละคนมีพันธุกรรม มีสภาพร่างกาย รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน 2.SCIENTIFIC BASED การยึดหลักทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ อธิบายถึงที่มาที่ไปได้ มีเหตุผลรองรับ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเราในเรื่องของกระบวนการรักษา และการดูแลสุขภาพ และ 3. TRUSTWORTHY PARTNERSHIP เป็นพันธมิตรที่วางใจได้ ไวทัลไลฟ์เรามีการดูแลอย่างใกล้ชิดและอยู่เคียงข้างเสมือนเป็นพันธมิตรสร้างสัมพันธ์อันดีต่อผู้มาใช้บริการด้วยความเท่าเทียมกัน และทำงานด้วยความโปร่งใส สามารถไว้วางใจได้ พร้อมมีทีมที่คอยให้คำปรึกษาแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อเป้าหมายของการมีสุขภาพที่ดี

เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “และด้วยองค์ประกอบ 3 ประการ ที่มีความโดดเด่นของไวทัลไลฟ์นี้ เราจึงได้นำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างความแตกต่าง ภายใต้ชื่อบริการใหม่ว่า “ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า” เพื่อให้เป็น Medical & Wellness Retreat ที่พร้อมให้บริการเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยการมอบการบริการที่ผสมผสานระหว่างการแพทย์ตะวันออกและแพทย์ตะวันตก รวมถึงผสมผสานระหว่าง Medical และ Lifestyle Modification เข้าด้วยกันอย่างลงตัว”

RAKxa รักษ World Class Medical Wellness-9

ด้านของการให้บริการ นพ. นรินทร สุรสินธน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า และผู้อำนวยการด้านปฏิบัติการ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ อธิบายว่า การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้าที่โครงการรักษ (อ่านว่า รัก-ษะ) นั้นมีความแตกต่างจากแห่งอื่นๆ เนื่องจากเราได้ออกแบบการดูแลสุขภาพแบบ Personalize หรือเฉพาะรายบุคคล ด้วยการตรวจพันธุกรรมแล้วนำมาวิเคราะห์โปรแกรมที่ตรงกับผู้เข้าพัก พร้อมมี Lifestyle Coaching คอยให้คำปรึกแนะนำแนวทางในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งในเรื่องของอาหาร การออกกำลังกาย และพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม

RAKxa รักษ World Class Medical Wellness-11

โดยขอเปรียบเทียบสุขภาพของมนุษย์เรากับต้นไม้ เริ่มจากทุกคนจะมีเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง และมีพันธุกรรมที่แตกต่างกัน บางคนมีพันธุ์ของโรคต่างๆ บางคนมีพันธุ์ของโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคไขมัน โรคหัวใจ ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ในพันธุกรรมอยู่แล้ว และเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจากเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ กว่าจะเติบโตขึ้นมานั้น จำเป็นจะต้องมีน้ำ มีดิน มีปุ๋ย ที่ใส่เติมเข้าไป เปรียบได้กับร่างกายของเรา สิ่งที่เราเติมเข้าไป มี 2 ส่วน คือ Lifestyle factor และ External factor

ในส่วน Lifestyle factor ก็คือเรื่องของอาหาร สารอาหาร หรือวิตามินต่างๆ ที่ทานเข้าไป การออกกำลังกาย การพักผ่อนนอนหลับที่เหมาะสม การจัดการกับความเครียด ซึ่งก็เปรียบเหมือนปุ๋ย ที่จะใส่เข้าไปในเมล็ดพันธุ์ และอีกด้านหนึ่งก็คือ External factor เปรียบได้กับ ดิน น้ำ ที่อาจมีสารพิษปะปน มีโลหะหนัก มี PM 2.5 หรือแม้กระทั่งโรคระบาด อย่างโรคโควิด-19 ก็ถือเป็นปัจจัยภายนอก ซึ่งจะเข้ามาทำให้ภายในร่างกายของเราเกิดการเปลี่ยนแปลง และอาจส่งผลกระทบถึงพันธุกรรมของเราได้

สำหรับในส่วนเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกเติบโตไปเป็นต้นไม้นั้น ก็ต้องหมั่นดูแล เปรียบได้กับเรื่องของฮอร์โมน การกำจัดสารพิษ การดีท็อกซ์ร่างกาย เรื่องของทางเดินอาหาร เรื่องของความจำ สมอง ความอ่อนล้า เรื่องของกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเรื่องภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้ามีหน้าที่เข้ามาช่วยปรับปรุงฟังก์ชั่นภายในร่างกายก่อนที่จะเกิดอาการหรือสัญญาณเตือนต่างๆ เนื่องจากบางคนมองว่าการที่ท้องผูกหรือท้องเสียนิดหน่อย เป็นเรื่องปกติ หรือบางคนมองว่าการเป็นไมเกรน ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือบางคนมักมีอาการง่วงตอนบ่ายๆ รู้สึกอ่อนเพลีย เป็นเรื่องปกติ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ และสามารถจัดการดูแลได้ ด้วยวิธีการดูแลเชิงป้องกัน ซึ่งเป็นเทรนด์การดูแลสุขภาพในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งมีความคุ้มค่ามากกว่าการรักษาตัวจากอาการเจ็บป่วยในภายหลัง

ด้วยคอนเซ็ปต์นี้ ไวทัลไลฟ์ จึงได้พัฒนาโปรแกรมในการดูแลสุขภาพทั้งหมด 9 โปรแกรม อาทิ โปรแกรมการดูแลทางเดินอาหาร หรือโปรแกรม Gut Health Program สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ขับถ่ายไม่ดี, โปรแกรม Immune Booster สำหรับคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือคนที่ติดเชื้อบ่อยๆ รวมถึงคนที่เป็นภูมิแพ้, โปรแกรม Detox ที่จะทำการตรวจหาว่ามีโลหะหนัก มีสารพิษในร่างกาย มีการอักเสบของร่างกาย ซึ่งเป็นต้นเหตุของความแก่ชรา และโรคภัยต่างๆ โดยจะสามารถกำจัดสารพิษเหล่านี้ออกไปได้ หรือโปรแกรม Mobility สำหรับคนที่มีอาการปวดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ โดยทั้งหมดนี้ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า ถูกดีไซน์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจ หรือโรคต่างๆ

นอกจากโปรแกรมของไวทัลไลฟ์@บางกระเจ้าจะให้การดูแลรักษาสุขภาพที่ดีแล้ว ยังมีการให้ข้อมูลความรู้ และสร้างความเข้าใจให้กับผู้มาใช้บริการ รวมถึงมีโค้ช (Lifestyle coach) ที่คอยให้คำปรึกษาแนะนำในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ รวมถึงให้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสุขภาพตนเองมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง ในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หรือ Lifestyle Factor อันดับแรกคือ เรื่องของอาหาร ถ้าผู้มาใช้บริการสามารถเรียนรู้ถึงวิธีการเลือกอาหารได้อย่างเหมาะสม ทางรักษจะเป็นฝ่ายจัดเตรียมตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบอาหารที่ปลอดสารพิษ รวมถึงมีเชฟและนักโภชนาการ (Nutritionist) ของไวทัลไลฟ์ มาร่วมให้คำแนะนำในทุกมื้อที่“รักษ” เพื่อจะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งแค่เพียงยารักษาโรค หรือการฟื้นฟูร่างกายเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ จึงจำเป็นที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตัวเอง

ฉะนั้น Lifestyle Coach จึงมีความจำเป็นต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างมาก จากประสบการณ์ที่หมอพบ คือ หลายๆ คนเวลากลับไปใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ด้วยหน้าที่การงาน ภารกิจและครอบครัว ที่ต้องเจอทุกวัน ทำให้ในระยะแรกๆ การที่จะปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์นั้น ไม่สามารถทำได้ 100% จึงจำเป็นต้องมีโค้ชที่ช่วยคอยกำกับดูแล ในเรื่องของคำแนะนำอาหารการกิน การออกกำลังกายในแต่ละวัน ที่ทางแพทย์ของไวทัลไลฟ์จะคอยให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพได้หลังจากกลับไป นอกจากนี้ สิ่งที่บำรุงราษฎร์ และไวทัลไลฟ์ ได้พัฒนาอยู่ในขณะนี้ คือเรื่องของ teleconsultation ที่จะเข้ามาเชื่อมโยงระหว่างแพทย์และผู้มาใช้บริการ เสมือนมีโรงพยาบาลอยู่ในมือถือมีแพทย์ประจำบ้านที่สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา โดยไวทัลไลฟ์จะใช้ระบบนี้ เข้ามาเสริมจากโปรแกรมไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง

RAKxa รักษ World Class Medical Wellness-10

ด้านของ นพ. รัฐภรณ์ อึ๊งภากรณ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังและความงามศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า กล่าวเสริมว่า “นอกจากในส่วนของการดูแลความงามจากภายใน (Beauty from the inside out)แล้ว ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า ยังมี unit ที่ดูแลในเรื่องของความสวยความงาม (Aesthetics) ซึ่งจะดูแลความงามจากภายนอกด้วยเช่นกัน ซึ่งจะสัมผัสได้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 – รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เข้ามาผสมผสานกัน โดยที่รักษจะให้การดูแลทั้งในส่วนของการดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม ซึ่งข้อแตกต่างและโดดเด่นจากแห่งอื่นๆ คือ ไวทัลไลฟ์ เรามีทีมแพทย์มืออาชีพประจำอยู่ในรักษ รวมถึงมีสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง และเรามีบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่แตกต่าง เรียกได้ว่าเป็นคลินิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยพื้นที่เกือบ 200 ไร่ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่แปลกใหม่ที่ต้องมาสัมผัส ลิ้มรสอาหารที่ปรุงแต่งเพื่อสุขภาพพร้อมกับรังสรรค์ความงามได้หลากหลายโปรแกรม อาทิ Thermage, Ulthera, Botox, Filler และอื่นๆ มีความเป็นส่วนตัวสูง ท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งต้นไม้นานาพันธุ์ โอบล้อมด้วยทะเลสาบ และแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ที่โครงการรักษ @บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ส่งผลให้ผู้มาใช้บริการรู้สึกผ่อนคลาย และสามารถปฎิบัติตามโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

RAKxa รักษ World Class Medical Wellness-13

(จากซ้าย-ขวา) นพ. รัฐภรณ์ อึ๊งภากรณ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังและความงามศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า, เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, นพ. นรินทร สุรสินธน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า และผู้อำนวยการด้านปฏิบัติการ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์

เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ กล่าวปิดท้าย “สำหรับความร่วมมือในการเปิดตัว Medical & Wellness Retreat แห่งแรกในเมืองไทยและเอเชียครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ในประเทศไทย และไวทัลไลฟ์เองก็มีความภาคภูมิใจที่มีส่วนสำคัญสนับสนุนให้ประเทศไทยกลายเป็น World-Class Medical & Wellness Destination ของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก หลังโควิด-19 คลี่คลายลง และช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศชาติได้อีกครั้ง”

 

 

สามารถศึกษาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vitallifeintegratedhealth.com/Bangkrachao

บำรุงราษฎร์ ครบรอบ 40 ปี มั่นใจศักยภาพการแพทย์ครบทุกมิติ นำไทยสู่แถวหน้าด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของโลก

จากการประชุมศูนย์กลางด้านการแพทย์ ปี 2561 รายงานว่ามีผู้ป่วยต่างชาติมาใช้บริการในด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ประมาณ 3.4 ล้านครั้ง สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 1.4 แสนล้านบาท และไทยยังมีสถานบริการสุขภาพผ่านมาตรฐานคุณภาพสถานพยาบาลระดับสากลJCI ถึง 68 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน สะท้อนให้เห็นถึงความได้เปรียบในการแข่งขันด้าน Medical Hub ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประเทศ

Bumrungrad -13

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

Bumrungrad -7

ในโอกาสครบรอบ 40 ปี โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการคือวันที่ 17 กันยายน 2523 บำรุงราษฎร์ให้การบริบาลผู้ทั้งคนไทยและคนทั่วโลกมาถึง 40 ปีการรักษาคือหัวใจสำคัญที่เรายึดมั่นมาตลอดโดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางเพื่อส่งมอบการรักษาและประสบการณ์ที่ดีที่สุดด้วยคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัย รวมทั้งความพยายามที่จะยกระดับคุณภาพการรักษาและการบริการอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลสืบเนื่องในวันนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้กลายเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับว่า เป็นต้นแบบและจุดหมายหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของโลก (Medical Tourism Destination) โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของโลกที่ได้การประกาศรับรองจาก Global Healthcare Accreditation (GHA) COVID-19 ซึ่งเป็นการรับรองด้านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลสำหรับการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

Bumrungrad -1

ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เรายังคงมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การบริบาลสุขภาพแบบองค์รวมระดับโลก โดยบำรุงราษฎร์ได้ยกระดับสู่โรงพยาบาลในการรักษาขั้นจตุตถภูมิ (Quaternary Care) ซึ่งจะอยู่บนยอดปิระมิดสูงสุดในการรักษาพยาบาล เป็นการให้การบริบาลทางการแพทย์ที่มีความซับซ้อนอย่างมากด้วยนวัตกรรมขั้นสูง เราได้เล็งเห็นเทรนด์โลกด้าน Wellness จึงได้ทำงานร่วมกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพการแพทย์เชิงป้องกันแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี เพื่อให้การดูแลสุขภาพครอบคลุมในทุกมิติ ตามแนวคิดการแพทย์แบบผสมผสาน (Integrated Medicine) ทั้งในด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน (Conventional medicine) และการรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Medicine) แบบองค์รวม ซึ่งเป็นเทรนด์ของการดูแลสุขภาพ ที่มีการวิเคราะห์เชิงลึกถึงระดับพันธุกรรม ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ เพื่อค้นหาความเสี่ยงในการเกิดโรคในอนาคต รวมถึงวางแผนการดูแลรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรฐานและคุณภาพระดับสากล

Bumrungrad -6

รศ.นพ. ทวีสิน ตันประยูร ผู้อำนวยการปฏิบัติการทางการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ตลอด 4 ทศวรรษ บำรุงราษฎร์ได้ทำงานร่วมกันอย่างสอดประสาน ระหว่างแพทย์ผู้ชำนาญการต่างสาขากับบุคลากรทางการแพทย์ในหลายสาขาวิชาชีพ เพราะโดยลำพังแพทย์เองก็ไม่สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โชคดีที่เรามีทีมที่มีประสิทธิภาพ ทั้งแพทย์เฉพาะทาง อาทิ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางระบบประสาท ทางลิ้นหัวใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทารกแรกเกิด มะเร็งเฉพาะส่วนมีพยาบาลวิชาชีพเฉพาะทางในหลายสาขา เช่น พยาบาลเฉพาะทางผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิด ทางด้านหัวใจและหลอดเลือด ทางด้านออร์โธปิดิกส์ รวมถึงเภสัชกรวิชาชีพกว่า 100 คน ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง เช่น เภสัชกรด้านมะเร็ง เภสัชกรผู้ป่วยวิกฤต เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ นักเทคนิคการแพทย์ และบุคลากรวิชาชีพอื่นๆ อีกกว่า 4,800 คน ที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งพร้อมดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อส่งมอบการดูแลรักษาให้แก่ผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพในระยะเวลาอันรวดเร็ว

บำรุงราษฎร์ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถดูแลรักษาโรคเฉพาะทางและซับซ้อนได้อย่างครอบคลุมและมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาทิ ศูนย์หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Robotic Surgery Center) เป็นการนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยแพทย์ในการผ่าตัด โดยเฉพาะกับอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อนละเอียดอ่อน การใช้แขนกลหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ช่วยให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีขึ้น หรือการนำเทคโนโลยีขั้นสูง AI IBM Watson for Oncology เพื่อวางแผนการรักษาโรคมะเร็งแบบเฉพาะเจาะจงให้ผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อรักษาต้นเหตุของโรคอย่างแม่นยำและตรงจุด จากองค์ประกอบ 3 ประการ คือ การบริบาลด้วยความเอื้ออาทร ความร่วมมือระหว่างกัน และการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม จึงทำให้บำรุงราษฎร์ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นจำนวนกว่า 1.1 ล้านรายในแต่ละปี และทำให้บำรุงราษฎร์ เป็นจุดหมายปลายทางทางการแพทย์ของผู้คนทั่วโลก

Bumrungrad -3

ในช่วงเสวนา “กรณีศึกษาโควิด-19 กับศักยภาพธุรกิจภาคบริการของประเทศไทยสู่อนาคตโลก”จากตัวแทนภาคธุรกิจบริการ ถือเป็นอีกแรงขับเคลื่อนที่จะร่วมฟื้นฟูและสร้างรายได้ให้กับประเทศเพื่อผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้

Bumrungrad -8

เริ่มด้วย นายคมกริช ด้วงเงิน ผู้อำนวยการกองสร้างสรรค์สินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ความเห็นว่า ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของ ททท. ช่วง New Normal นี้จะมุ่งทำตลาดแบบเจาะจงกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่ม Health and Wellness ซึ่งจะเน้นเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ และมุ่งไปสู่การท่องเที่ยว 3 แบบ คือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวร่วมกับการรักษา หรือ Medical Tourism และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร/อาหาร โดยจะชูจุดขายเรื่องความปลอดภัย เรื่องเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมและอาหาร เรื่องความสวยงามของธรรมชาติที่ได้รับการฟื้นฟู และน้ำใจความเอื้ออาทรของคนไทยในการช่วยเหลือเกื้อกูล ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มมูลค่าด้วยการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการทำดิจิทัลแพลตฟอร์มให้เกิดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวร่วมกับการดูแลสุขภาพให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

Bumrungrad -9

นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานการตลาด และรักษาการ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)ให้มุมมองถึงธุรกิจธนาคารว่าโควิด-19 เป็นตัวเร่งดิจิทัลแบงกิ้งส่งผลให้ธนาคารต้องปรับแผนดิจิทัลแบงกิ้งที่เคยวางไว้ที่จะทำในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ มาเป็นต้องทำให้ได้ภายใน 1-2 เดือน เนื่องจากลูกค้าไม่ต้องการไปสาขาและต้องย้ายการทำธุรกรรมต่าง ๆ มาอยู่บนโทรศัพท์มือถือทั้งหมด รวมถึงปรับวัฒนธรรมองค์กรเพื่อรับวิถีใหม่ โดยหัวใจสำคัญจะอยู่ที่การทำงานให้สำเร็จ ซึ่งเป็นหลักการใหม่ที่เรียกว่า ‘SCB from Anywhere คือ ทำงานที่ไหนก็ได้ แต่ต้องทำงาน เพื่อรองรับลูกค้าให้ได้’ ที่สำคัญวัฒนธรรมองค์กรก็ต้องเอื้อต่อการทดลองสิ่งใหม่ให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น เพื่อให้ธนาคารสามารถทดลองสิ่งต่าง ๆ ให้เร็วและไม่กลัวที่จะล้มเหลว แต่ก็ต้องรีบปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

Bumrungrad -10

ดร.ปิยะพงษ์ ธัญญศรีสังข์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายบริหาร บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล กล่าวว่าห้างเซ็นทรัล ต้องปรับแผนกลยุทธ์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยของลูกค้า พนักงาน รวมถึงพนักงานในร้านค้า รวมทั้งนำเทคโนโลยีการอบโอโซน และ UVC มาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคบนธนบัตร มีมาตรการ Social Distancing รวมถึงมีการTracking เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพของพนักงาน และลูกค้าที่มาใช้บริการในห้าง ด้านของเทคโนโลยี ได้มีการปรับปรุงพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกช่องทาง และรองรับความรวดเร็วในการซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชนเนล และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ห้างเซ็นทรัลฯ ได้จับมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดบริการ ‘Central at Bumrungrad’ ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านบริการ ‘Chat & Shop’ และ ‘Call & Shop’ ตอบโจทย์ผู้มาพักโรงพยาบาลพร้อมส่งฟรีถึงโรงพยาบาลทุกออเดอร์ไม่มีขั้นต่ำ และจัดส่งภายในวันเดียวกันเมื่อยืนยันออเดอร์ก่อนเวลา 18.00 น. เสมือนยกห้างเซ็นทรัลมาไว้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

Bumrungrad -11

คุณนภัส เปาโรหิตย์ Chief Marketing Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ให้ความคิดเห็นว่า ปี 2563 นับเป็นก้าวสำคัญของวงการแพทย์และสาธารณสุขไทยที่จะก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้สะท้อนให้เห็นถึงสปิริตของแพทย์ไทย โรงพยาบาลภาครัฐ และโรงพยาบาลเอกชน ต่างให้ความร่วมมืออย่างสุดความสามารถในการดูแลรักษาคนไทยเพื่อให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 พร้อมรักษาพยาบาลผู้ป่วยให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว รวมถึงช่วยเหลือสังคมไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน ทว่าแล้วท่ามกลางวิกฤตยังมีโอกาสที่ประเทศได้สร้างชื่อเสียงด้าน Medical Tourism เพื่อก้าวสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ อีกทั้งยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องคุณภาพของโรงพยาบาล ความชำนาญการของแพทย์ไทย รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่ประหยัดกว่าสหรัฐอเมริกา ประมาณ 40-75% หรือสิงคโปร์ ประมาณ 30% หากเทียบกับในระดับมาตรฐานสากล ซึ่งโครงสร้างค่ารักษาพยาบาลถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการแข่งขันสู่ Medical Hub ในระดับโลก

ซึ่งปีนี้ ถือเป็นอีกปีที่มีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากระยะแรกของวิกฤตโควิด-19 ทุกภาคส่วนต่างให้ความสำคัญและฝากความหวังไว้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ จึงต้องก้าวให้เร็วกว่าปกติ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง กล้าคิดและกล้าทำในสิ่งใหม่ๆ และตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โดยได้เตรียมความพร้อมในเรื่อง บุคลากร องค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยี รวมถึงได้มีการพัฒนายกระดับการให้บริการต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับ New Normal และพฤติกรรมของผู้มาใช้บริการที่เปลี่ยนไปให้ครอบคลุมในทุกมิติเช่น การแยกพื้นที่บริการเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ, บริการ teleconsultation, บริการ Homecare Services หรือชื่อว่า Bumrungrad @ Home Service Center เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องถึงบ้านและบริการ “60 Second Service” เพื่อให้บริการขั้นพื้นฐาน เช่น ฉีดวัคซีน และรับยาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เข้าถึงง่าย และปลอดภัยสูงสุดขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย ซึ่งชาวบำรุงราษฎร์สามารถแก้ปัญหาทันต่อสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีขีดเวลาจำกัดได้เป็นอย่างดี สอดคล้องกับทิศทางขององค์กร เพื่อก้าวสู่โลกแห่งอนาคตในวิถี New Normal

ทั้งนี้ การพัฒนาอุตสาหกรรมการรักษาพยาบาลอย่างยั่งยืนต้องเดินไปพร้อมกันทั้งองคาพยพ นอกจากบุคลากรแพทย์ เทคโนโลยีใหม่ๆ เครื่องมือทันสมัย ตลอดจนคุณภาพการให้บริการแล้วนั้น อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ การสร้างระบบเครือข่ายพันธมิตร เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายฐานลูกค้ากว้างขึ้น ดึงจุดแข็งที่แต่ละองค์กรมี มาแบ่งปันองค์ความรู้ให้กันและกัน ประสานความร่วมมือสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน นี่คือหัวใจสำคัญของการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจปัจจุบัน

Bumrungrad -12

ปิดท้ายด้วย คุณลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน ในฐานะตัวแทนผู้ใช้บริการ แชร์ประสบการณ์ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบทางการแพทย์ที่ดีมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีโรงพยาบาลที่มีคุณภาพ มีการทำงานอย่างมืออาชีพ มีมาตรการการคัดกรองและคัดแยกที่รัดกุม มีแพทย์ที่เก่งและมีความสามารถสูง มีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ที่มีคุณภาพอย่างครบครัน มีการรักษาพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพ ดูแลทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ซึ่งผู้ป่วยเองก็สามารถเข้าถึงบุคลากรทางการแพทย์ได้ง่าย และยังมีค่ารักษาพยาบาลที่เป็นธรรม จากที่ตนป่วยเป็นโควิด-19 ทำให้รู้สึกเข้าใจแพทย์ พยาบาล และทุกสหวิชาชีพที่ต้องทำงานท่ามกลางสภาวะกดดันแต่ทุกคนยอมสละเวลาและอุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและเพื่อประเทศชาติ ทำให้รู้สึกศรัทธาในอาชีพ ‘นักรบชุดขาว’ ด้วยใจจริง และขอส่งกำลังใจถึงทุกอาชีพในรั้วโรงพยาบาลทุกคน พร้อมมั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในระดับโลกได้ไม่เป็นรองใคร

Bumrungrad -4

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

Bumrungrad -5

ผู้บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กับ คุณลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน

Bumrungrad -2