เมื่อไอเดียในการใช้ชีวิตไม่มีวันหยุด และสิ่งรอบตัวเราก็ล้วนมีแต่ความน่าคิดแฝงอยู่ในนั้นเสมอ นี่ยิ่งทำให้เราคิดถึงคำพูดนี้ “ที่จริงแล้ว ฉันไม่ได้ขายเสื้อผ้า แต่ฉันนำเสนอวิถีแห่งการใช้ชีวิต มารีเมกโกะ คืองานออกแบบ ไม่ใช่แฟชั่น ฉันขายไอเดียให้คนออกแบบชีวิตมากกว่าขายชุดเดรสให้คนแค่นำไปสวมใส่” -อาร์มี ราเทียร์, ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Marimekko กล่าวไว้เมื่อปี 1963
มารีเมกโกะ คอลเล็คชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 (Marimekko Spring/Summer 2018) เล่าเรื่องราวของลายพิมพ์อันเป็นเอกลักษณ์ ระหว่างลายพิมพ์คลาสสิค ที่ถูกออกแบบโดยไอคอนิคดีไซเนอร์ ไมจา ไอโซลา (Maija Isola) และ แอนนิกา ริมาลา (Annika Rimala) ตั้งแต่ปี 1950 และ 1960 กับลายพิมพ์ปัจจุบันที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์เลือดใหม่ที่น่าจับตามองของวงการออกแบบอย่าง ปาโว ฮาโลแนน (Paavo Halonen) และ เอริยา ฮีร์วี (Erja Hirvi) ลายพิมพ์ทั้งหมดโดดเด่นบนสีหลักของคอลเล็คชั่น เช่น สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียวพฤกษศาสตร์ โดยทีมออกแบบได้แรงบันดาลใจหลักมาจากธีม Growth Story หรือ เรื่องราวของการเติบโตจากรากเหง้าสู่การเจริญพันธุ์ที่บานสะพรั่งที่ไม่ใช่แค่พันธุ์ไม้ แต่หมายรวมถึงเส้นทางการเดินทางของการออกแบบและสร้างสรรค์จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ความท้าทายของทีมออกแบบแบรนด์มารีเมกโกะ คือ การทำอย่างไรให้การนำลายพิมพ์ในอดีตที่มีอายุกว่า 50 ปีกับลายพิมพ์ใหม่ได้รับการสร้างสรรค์ออกมาในรูปแบบที่ร่วมสมัย และได้รับการยอมรับในปัจจุบัน สำหรับสินค้า Ready-to-Wear โครงร่างของชุด (Silhouette) จึงเป็นสิ่งที่ทีมออกแบบให้ความสำคัญพอๆ กับลายพิมพ์ที่ถูกเลือกมาใช้ในแต่ละคอลเล็คชั่น รวมถึงการใช้งาน (Functional) ของสินค้า โดยเฉพาะกระเป๋าและเครื่องประดับ เพราะทีมสร้างสรรค์ของมารีเมกโกะตระหนักดีเสมอว่า ไม่มีใครอยากได้สินค้าที่ไร้ประโยชน์หรือสวยแบบชั่วครั้งชั่วคราว คอนเซ็ปต์ของการออกแบบนี้จึงสะท้อนภาพของผู้หญิงในแบบมารีเมกโกะ ว่าเป็นผู้ที่รู้จักตนเอง รู้ว่าจะเลือกสินค้าอย่างไรให้เข้ากับตนเอง คำนึงถึงการใช้สอย คำนึงถึงผู้อื่น คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ไม่ตามเทรนด์หรือตามแฟชั่น
ลายพิมพ์บนผ้าคอตต้อนและผ้าลินินของคอลเล็คชั่นนี้ ผลิตในโรงงานพิมพ์ผ้าที่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ที่ซึ่งผ้านับล้านๆเมตรต่อปีถูกผลิตและส่งออกไปเป็นผลิตภันฑ์อันสร้างสรรค์และมีคุณภาพทั่วโลกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและการระดมความคิดสร้างสรรค์ที่ทีมมารีเมกโกะจะไม่หยุดอยู่กับที่
ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 8 และความสำเร็จตลอดระยะเวลา 3 ปีของการนำเข้าแบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่น “มารีเมกโกะ” สู่เมืองไทย “ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 8 ของธนจิรา รีเทลฯ ผมมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างให้บริษัทเป็นพันธมิตรสำคัญสำหรับ แบรนด์ต่างประเทศที่ตั้งใจจะเข้ามาขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ โดยนำเสนอความหลากหลาย ของสินค้า, เรื่องราวและคุณภาพของแต่ละแบรนด์สู่ผู้บริโภคคนไทย
ล่าสุดได้เจรจากับแบรนด์มารีเมกโกะที่ประเทศฟินแลนด์ให้ออกแบบและจัดทำ Tote Bag-Exclusively for Thailand หรือกระเป๋าผ้าอันเป็นซิกเนเจอร์ของมารีเมกโกะลาย Unikko (ดอกป๊อปปี้) โทนสีชมพูและเบจ ซึ่งลายอูนิโกะลายนี้ ได้รับการออกแบบโดยแม่ลูกผู้ซึ่งเป็นไอคอนิค ดีไซเนอร์ของแบรนด์มารีเมกโกะ คือ คุณไมจา (Maija) และคุณคริสตินา ไอโซลา (Kristina Isola) โดยปรับสเกลของลายให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น จากลายดั้งเดิมที่มีอายุกว่า 50 ปี ซึ่งลายนี้ผลิตจำนวนจำกัดและจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก”
โดยงานนี้ยังเปิดตัว Ready-to-Wear คอลเล็คชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ซึ่งจำลองรูปแบบการจัดงานมาจาก งาน Paris Fashion Week เผยคีย์ลุคที่โดดเด่นด้วยลายพิมพ์อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งลายพิมพ์ไอคอนิค เมื่อ 50 ปีที่แล้ว และลายพิมพ์ปัจจุบัน อาทิ ลายพิมพ์ล็อกกิ (Lokki), ลายพิมพ์ทิฟฟาแนล (Tiffanylle), ลายพิมพ์รักกิ (Rakky) พร้อมคอลเล็คชั่นกระเป๋า, แอ๊กเซสซอรี่และรองเท้าที่เข้ากันอย่างลงตัว
ส่วน Tote Bag-Exclusively for Thailand สามารถเป็นเจ้าของได้ทันที เมื่อซื้อสินค้าที่ร้านมารีเมกโกะทุกสาขาครบ 20,000 บาท หรือสะสมใบเสร็จแบรนด์ในเครือธนจิราฯ ครบ 5,000 บาท สามารถนำมาแลกซื้อได้ที่ร้านมารีเมกโกะในราคา 1,500 บาท
แฟนๆ ของมารีเมกโกะรีบตามไปอัพเดตเทรนด์ล่าสุดกันแล้ว ที่ร้านมารีเมกโกะ (Marimekko) ทุกสาขา ได้แก่ มารีเมกโกะ แฟล็กชิพ สโตร์ ชั้น 1 โซนเอเทรียม เซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น G สยามดิสคัพเวอรี่, ชั้น 1 ลักซ์ แกเลอรี เซ็นทรัล ชิดลม, ชั้น G ดิเอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเมนท์ สโตร์ และชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซา บางนา ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line @marimekkothailand, Facebook และ Instagram marimekkothailand และ www.tanachira.co.th