ถ้าถามคนในแวดวงแฟชั่นหรือคนที่สนใจแฟชั่นว่าดีไซเนอร์คนไหนที่ชอบ คงมีชื่อ ‘คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์’ (Karl Lagerfeld) ติดโผต้นๆ อยู่เป็นแน่ แหม…ก็จะผ่านชื่อนี้ไปได้ยังไง ใครๆ ก็ต้องรู้จัก ใครๆ ก็ต้องอยากเป็นเหมือนชายคนนี้ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้จักตัวตน ประวัติหรือความเป็นคาร์ลมั่ง?
ที่คุ้นๆ ก็คงว่าเป็นดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์สุดหรูอย่างชาเนล (Chanel) เฟนดิ (Fendi) และมีแบรนด์ของตัวเอง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) แถมยังมีงานดีไซเนอร์กับคนโน้นคนนี้อีกมากมาย แล้วยังเป็นช่างภาพอีกด้วย แต่จะมีใครเคยรู้หรือไปตามอ่านประวัติของคุณลุง (เอ๊ะ! หรือคุณป้าดี? ขำๆ นะคะ) ว่ามีมายังไง?
คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์เกิดวันที่ 10 กันยายน ปี 1933 (ปีเกิดจริงๆ) ในฮัมบูร์ก (Hamburg) ประเทศเยอรมัน แต่ตัวเขาเองเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเกิดปี 1935 ก่อนหน้านั้นมีข้อมูลว่าเกิดปี 1938 พ่อเป็นนักธุรกิจชื่อออตโต ลาเกอร์เฟลดต์ (Otto Lagerfeldt) แม่เป็นลูกสาวของนักการเมือง ชื่อเอลิซาเบ็ธ บาห์ลมานน์ (Elizabeth Bahlmann) ก่อนแต่งงานทำงานเป็นพนักงานขายเสื้อชั้นใน แต่คาร์ลเองเคยให้ข้อมูลว่าพ่อเป็นคนสวีเดน ก่อนเขาเกิดในปี 1930 ครอบครัวได้โยกย้ายไปอยู่ทางเหนือของเยอรมันหลบหนีสงครามที่มีฮิตเลอร์นำทัพและย้ายกลับมาฮัมบูร์กอีกครั้งหลังคาร์ลอายุได้ 10 ขวบ
คาร์ลสนใจด้านดีไซน์และวาดรูป เขาชอบตัดรูปในแมกกาซีนแฟชั่นมาเล่น ตอนเด็กเขาเข้าเรียนเบื้องต้นที่ St.Annes School และจบการศึกษาด้านศิลปะและประวัติศาสตร์จาก Lycée Montaigne ว่าสังเกตกันหรือเปล่าว่าตัวสะกดนามสกุลของพ่อเขาไม่ใช่ลาเกิร์เฟลด์สะกดตอนนี้ คาร์ลเคยบอกไว้ว่า “เพราะเขียนแค่ Lagefeld มันดูขายมากกว่า”
พออายุประมาณ 14 ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ปารีส ฝรั่งเศส เขาไปเข้าเรียนการวาดรูปและเรียนรู้เรื่องผ้าอยู่ 2 ปี จากนั้นเข้าแข่งขันการออกแบบและชนะเป็นที่ 1 ตอนนี้เองที่ทำให้เขาได้พบกับอนาคตดีไซเนอร์ชื่อดังอีกคน อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent) ที่กลายเป็นเพื่อนสนิทกันต่อมา ปี 1955 เข้าทำงานดีไซน์เต็มตัวครั้งแรกในตำแหน่งผู้ช่วยมือใหม่กับปิแอร์ บัลแมง (Pierre Balmain)
จากนั้น 3 ปีเขาย้ายมาทำงานกับฌอง พาตู (Jean Patou) และได้เริ่มงานออกแบบคอลเล็กชั่นโอต์ กูตูร์ (Haute Couture) มี 10 ชิ้นแต่ใช้ชื่อตัวเองว่า Roland Karl ในปี 1960 คอลเล็กชั่นโอต์ กูตูร์ที่เขาทำ โดนวิพากษ์จากนักข่าวสาวชาวอเมริกัน แคร์รี่ โดโนแวน (Carrie Donovan) ว่า “มันก็สวยดีค่ะ แต่มันควรจะเป็นคอลเล็กชั่นขายปกติ (Ready-to-Wear) มากกว่าเป็นกูตูร์นะคะ” จากนั้น ไปร่วมทำกับแบรนด์อิตาเลียน Tiziano ที่มีลูกค้าเป็นเหล่าดาราและสาวชั้นสูงอย่าง Elizabeth Taylor, Doris Duke, Princess Marcella Borghese ต่อมาในปี 1964 เป็นฟรีแลนซ์ดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์โคลเอ้ (Chloe) แรกๆ ก็ดีไซน์แค่บางแบบแต่ต่อมาเขาได้ทำหมดทั้งคอลเล็กชั่น มีผลงานแปลกใหม่นำเสนอผู้ชม ‘Surprise Skirt’ กางเกงพลีตยาวแค่เข่าที่ดูเหมือนกระโปรง และในปี 1970 ทำกับแบรนด์ Curiel และตามด้วย Fendi
กระแสตอบรับฝีมือของลาเกอร์เฟลด์ยังไม่หยุดนิ่ง ในปี 1982 อแลง เวอร์ไธห์เมอร์ (Alain Wertheimer) ประธานบริหารของ Chanel ได้มาทาบทามให้เป็นดีไซเนอร์ของแบรนด์ คาร์ลเคยให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่าทำไมถึงรับตำแหน่งนี้ “ใครๆ ก็บอกว่ามันน่ากลัว ใครมาอยู่ตรงนี้ต้องแย่และจะกลับมาใหม่ยาก แต่ผมว่ามันท้าทายดีออกนะ” และคาร์ลบอกกับนิตยสาร Marie Claire ว่า “อะไรที่ผมออกแบบ โคโค่คงไม่ชอบ แต่แบรนด์ก็เป็นแค่สัญลักษณ์ ผมต้องมาอัพเดทให้มันมีอะไรใหม่ๆ ผมทำในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำไว้ ผมต้องทำสิ่งที่เป็นตัวเอง ผมต้องเอาตัวเองออกมาจากสิ่งที่ชาเนลจะเป็นหรือควรจะเป็น ต้องเป็นอะไรที่ต่างออกไป” เขาทำให้ผ้าทวีด, ไข่มุก, รองเท้าทูโทน และโลโก้ C ไขว้เป็นที่นิยม นอกจากนี้ เขายังให้ความสำคัญกับช่างฝีมือต่างๆ ที่เรียกว่า Métiers d’Art ที่รวบรวมฝีมือช่างในแขนงต่างๆ เอาไว้ครบ
นอกจากเขาเป็นดีไซเนอร์ยอดฝีมือให้กับแบรนด์ดังๆ หลายแบรนด์แล้ว ในปี 1984 คาร์ลได้เปิดห้องเสื้อในชื่อของตัวเอง Karl Lagerfeld เขาบอกว่า “ผมไม่เคยคิดว่าจะมีร้านและแบรนด์ในชื่อตัวเองเลยนะ แต่ก็นะ ในเมื่อมันเป็นจังหวะที่ใช่ก็ใช่อะนะ” ในปี 2005 เขาได้ขายกิจการให้กับ Tommy Hilfiger Group แต่ยังคงดูแลและเป็นหัวหน้าครีเอทีฟดีไซเนอร์
ด้วยความเป็นคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ในตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธไอเดียและความฮอตของเขาไปได้ เรียกว่าหยิบจับอะไรก็ได้เงิน ได้กระแสแน่นอน ถ้าเอ่ยชื่อคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์แล้ว ใครก็ต้องยอมใจและยอมรับ แล้วจะไม่ให้ยกย่องเขาว่า Karl is King ได้ยังไง?
More & More
-เมื่อปี 1993 เขาเลือกนางโชว์และดาราหนังโป๊ Moana Pozzi มาเป็นนางแบบเดินให้ Fendi ทำเอา Anna Wintour บก. Vogue US เดินออกจากโชว์ทันที
– ปี 2002 เขาชวนเรนโซ่ รอสโซ (Renzo Rosso) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Diesel ให้ทำคอลเล็กชั่นกางเกงยีนส์ด้วยกันในชื่อ Lagerfeld Gallery by Diesel และออกโชว์ 5 ชิ้นในช่วง Paris Fashion Week แล้ววางขายแบบลิมิเต็ดในปารีส โมนาโก นิวยอร์กและโตเกียว ฟีดแบคตอบรับดีทุกชิ้น Sold Out ส่วนปี 2004 ดีไซน์คอลเล็กชั่นพิเศษให้กับ H & M เพียงแค่ 2 วันที่วางขาย ทุกชิ้นก็ขายเกลี้ยงเช่นกัน
-ปี 2005 เริ่มจับกล้องเป็นช่างภาพถ่ายให้กับ Visionaire23 ‘Emporor’s New Clothes’ หนังสือรวมรูปนู้ดของนางแบบนายแบบและเซเลบ, V, Harper’s Bazaar, Numéro, Vogue German, Vogue Russia และถ่ายภาพโฆษณาให้กับ Chanel, Fendi, Karl Lagerfeld
-ปี 2007 มีหนังชีวประวัติของเขาถ่ายทำโดย Vogue ออกฉายชื่อว่า Lagerfeld Confidential
-เขาพูดได้หลายภาษา ทั้งอังกฤษ, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, สเปนและได้ภาษารัสเซียกับจีนกลางด้วย
-เคยใช้ชีวิตคู่กับคนดังในสังคม Jacques de Bascher ต่อมาฌาคเสียชีวิตไปในปี 1989 ปัจจุบันคาร์ลอาศัยอยู่กับ Choupette แมวตัวโปรดและบอกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
เรื่อง: ลลิดา สันพินิจสุนทร
เครดิตภาพ : www.timeout.com; www.thedailybeast.com; www.ellevant.com; pleasurephoto.wordpress.com; www.pursuit.in; www.babooka.nl; www.thewesteffect.com; newsfashionista.com; vmagazine.com; www.therealreal.com; www.med-eyes.net; asesorateimagepersonal.blogspot.com; officialarti.com; www.thefashionisto.com