City Break Paris Part III

เบรกเที่ยวในกรุงปารีส ตอนที่ 3
By Paul Sansopone

…… “แม้ว่าย่านนี้จะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนักแต่ความที่มีแม่น้ำเซนให้เดินเลียบเลาะไป ยิ่งถ้าชอบออกกำลังเป็นประจำทุกวัน ต้องวิ่งหรือขี่จักรยาน แถบนี้เหมาะมากมีสวนสาธารณะเปิดโล่งไม่อึดอัด”…

พักย่านไหนดีในปารีส
เรารู้ว่ามาปารีสทั้งทีก็ควรอยู่ในเมืองชั้นในก็คือภายในกรอบถนนวงแหวน แต่มันไม่ละเอียดพอ คราวนี้เราจะลงรายละเอียดลงไปอีกหน่อยให้รู้ว่าเขตไหนเป็นอย่างไร ต้องขอบอกว่าแต่ละ Neighborhood หรือที่นี่เรียกว่า ก๊า(ก)ร์ติเอ (Quartier )ของกรุงปารีสนั้นมีบุคลิกที่แตกต่างกันพอสมควรทีเดียว จริงๆ ของกรุงเทพฯ ก็มี Em-quartier ซึ่งเคยมีการถกเถียงกันใน social network แบบสนุกสนานว่าควรอ่านแบบไหนจึงจะถูก

ย่านไหนในปารีสที่เราควรเลือกจองที่พัก
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 1860 ปารีสถูกแบ่งออกเป็น 20 เขตเทศบาลหรือที่เรียกว่า ‘อารรองดีสมงท์’ ( arrondissements) ซึ่งถ้าดูจากแผนที่มันจะถูกวางเรียงแบบลักษณะก้นหอย ขดเป็นวงจากในม้วนวนขวาออกนอกโดยที่ด้านในสุดจะเป็นเขต 1 และนอกสุดก็คือเขต 20 โดยก่อนหน้านั้นปารีสมีแค่ 12 เขตเท่านั้น แต่ละเขตมักจะถูกแบ่งออกไปเป็น 4 ย่านหรือแขวง เรียกว่า Quartier การ์ติเอ และที่มีชื่อก็เช่น Quartier Latin, Quartier des Champs-Élysées และ Quartier Saint-Germain-l’Auxerrois ในแต่ละเขตก็จะมีสำนักงานเขตของตัวเองที่เรียกว่าโอเตลเดอวิล ( Hôtel-de-Ville)และรวมทุกเขตก็มีสถานีตำรวจอยู่ถึง 350 แห่ง

City Break PARIS Population density map of Paris in 2012

1st Arrontissement of Paris – Louvre
2th Arrondissement of Paris – Bourse
3th Arrondissement of Paris – Temple
4th Arrondissement of Paris – Hôtel-de-Ville
5th Arrondissement of Paris – Phantéon
6th Arrondissement of Paris – Luxembourg
7th Arrondissement of Paris – Palais-Bourbon
8th Arrondissement of Paris – Élysée
9th Arrondissement of Paris – Opéra
10th Arrondissement of Paris – Enclos-St.Laurent
11th Arrondissement of Paris – Popincourt
12th Arrondissement of Paris – Reuilly
13th Arrondissement of Paris – Gobelins
14th Arrondissement of Paris – Observatoire
15th Arrondissement of Paris – Vaugirard
16th Arrondissement of Paris – Passy
17th Arrondissement of Paris – Batignolles-Monceau
18th Arrondissement of Paris – Butte-Montmartre
19th Arrondissement of Paris – Buttes-Chaumont
20th Arrondissement of Paris – Ménilmontant

แต่ถ้าเราดูภาพใหญ่สมัยก่อนที่จะมีการแบ่งเป็น 20 เขตแบบนี้ ปารีสนั้นถูกแบ่งง่ายๆ เป็น 2 ฝั่งแม่น้ำเซน (La Seine) คล้ายกรุงเทพฯกับฝั่งธนบุรีในสมัยก่อน โดยแบ่งเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา แต่คนช่างสงสัยมักจะถามว่าทำไมไม่เรียกว่าฝั่งเหนือหรือฝั่งใต้เพราะดูจากแผนที่มันไม่น่าจะเรียกฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ต้องอธิบายว่าไม่งั้นมันต้องก็มีฝั่งตะวันออกและตะวันตกด้วย เพราะแม่น้ำเซนมันไหลมาจากใกล้เมืองดีจง Dijon เข้าเขตปารีสทางตะวันออกเฉียงใต้แล้วก็โค้งไปออกจากปารีสทางตะวันตกเฉียงใต้แล้วไหลต่อไปลงทะเลเหนือที่เมืองท่าชื่อ เลอ อาฟร์ Le Havre (ให้ดูรูปจากแผนที่ด้านบน) จะเห็นว่าตอนเข้าตอนออกมันก็จะมีฝั่งตะวันออกและตกด้วยทำให้งง เค้าก็เลยแบ่งเป็นฝั่งซ้ายและขวาโดยถือจากการไหลของแม่น้ำเป็นหลัก เนื่องจากแม่น้ำมันจะไหลจากต้นกำเนิดไปสู่ทะเล ถ้าเรานั่งเรือเข้ามาตามกระแสน้ำ (down stream) เข้าสู่เขตเมืองปารีส ขวามือของเราก็จะเรียก“ฝั่งขวา”ส่วนซ้ายมือก็คือ “ฝั่งซ้าย”เท่านั้นเองง่ายๆ

ในยุคแรกนั้นความเจริญเริ่มมาจากฝั่งซ้ายเพราะมีย่านละติน การ์ติเย ลาแตง Quartier Latin ซึ่งมีศูนย์การศึกษายุคเริ่มต้นเกิดขึ้นที่นั่นซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ (Sorbonne University) ซึ่งตั้งขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และในสมัยนั้นมีการสอนเป็นภาษาละติน

ทีนี้เราก็ลองมาพิจารณากันดูว่าน่าพักฝั่งไหนมากกว่ากันซึ่งผมก็จะขอสรุปความน่าสนใจออกมาให้เลือกเฉพาะเขตที่น่าสนใจจริงๆ เท่านั้น

 

I. ปารีสฝั่งขวาThe Right Bank “La Rive Droite”

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 13

ถ้าดูจากแผนที่ของเมืองปารีสแล้วมันก็คือเขตฝั่งที่อยู่เหนือแม่น้ำเซนแต่ถูกเรียกว่าฝั่งขวา มันมีความหนาแน่นของอาคารสำนักงานสถานที่ทำการค้าขายตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวที่เพียบพร้อมไปด้วยแหล่งเอ็นเทอร์เทน และพร้อมสรรพไปด้วยแหล่งอาหารการกิน แหล่งช็อปปิ้งตลอดจนที่อยู่อาศัยราคาแพง ทำให้มันพลุกพล่านวุ่นวายอยู่บ้างแต่บรรยากาศมันคึกคักและมีชีวิตชีวาตลอดเวลา แม้ในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ฝั่งนี้มีเขตเทศบาลอยู่ถึง 14 เขต (arrondissements) ขอแนะนำเขตที่น่าสนใจดังนี้

เขต 1 และเขต 2 ย่านเลอาน Les Halles, ลูฟร์ Louvre และปาเลส์ ฮัวยัล Palais Royal

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 10

ย่านนี้ถือว่าเป็นย่านสุดเก๋ très chic ใจกลางปารีส ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นไปตามริมแม่น้ำเซน promenade of the Seine สุดโรแมนติกหรือเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Louvre ที่เป็นที่สุดของโลกด้านศิลปะสะสม เดินเล่นไปบนถนน boulevardที่มีเอกลักษณ์ของที่นี่หรือชมสวน Jardin des Tuileries แม้แต่จะช็อปปิ้งแบบไม่หยุด ย่านนี้มีครบทุกอย่างจริงๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือไวน์บาร์ ข้อเสียมีอย่างเดียวคือtouristเยอะไปหน่อย

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 15

 

เขต 3และเขต 4 ย่านมารายLe Marais, เกาะแซงหลุยส์ Ile St-Louis และเกาะซิเต้ Ile de la Cité

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 17

ย่านมาราย เป็นย่านTrendyมีความสมัยใหม่ก้าวล้ำแบบไม่ต้องหรูหรา มี Art Galleries มี Brand Start Up และ SMEของคนยุคใหม่ โดยเฉพาะย่านถนน Rue de Bretagne โดยรวมแล้วเป็น Neighborhood ที่มีความคึกคักทั้งกลางวันกลางคืน เป็นแหล่งชาวยิวและชาวเกย์

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 12

ย่าน Marais พอตกกลางคืนก็คึกคักไม่น่าเบื่อ

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 16

ในขณะที่ย่านเกาะแซงหลุยส์และซิเต้มีความโรแมนติกน่าเดินเล่นถ่ายรูป มีโบสถ์และสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ให้ดูพอควรเช่น วิหารโนเตรอดาม Cathedral of Notre Dame, วิหาร St-Chapelle, หรือ Conciergerie หากข้ามสะพานที่ต่อจากเกาะซิเต้หลังโบสถ์โนเตรอดามไปยังเกาะแซงหลุยส์ก็ให้เดินไปตามถนนสายเมนของเกาะคือ St.Louis en l’Ile ก็จะเจอร้านไอติม หมายเลข1ของกรุงปารีส นั่นคือ แบรติลยง Bertillon (เราจะพูดถึงร้านนี้ตอนแนะนำเรื่องอาหารการกินในปารีสต่อไป)

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 5

 

เขต 8, 16 และเขต 17 ย่านชองเซลิเซ่ Champs-Élysées และฝั่งตะวันตกของปารีส Western Paris 

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 7

ย่านนี้คือย่านหรูหราที่เงินและอำนาจเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นย่านธุรกิจและร้านค้าที่ขายของแบบไม่ต้องง้อลูกค้าเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟหรือร้านอาหารก็เช่นกัน มันเหมาะที่จะมาเดินเที่ยวชมมากกว่ามาหาโรงแรมเพื่อพักแถวนี้ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะอยู่ แต่ผมว่ามันขาดเสน่ห์ของความเป็นท้องถิ่นแบบต้นตำรับ(Local Charm) เพราะดูเป็นการค้าเกินไป เช่น ตื่นเช้ามาอยากจะหาร้านกาแฟเล็กๆ กับครัวซองส์หอมๆ สักชิ้นมันมักจะเจอแต่ร้านที่ตั้งใจจะขายแต่นักท่องเที่ยว มันได้รับฉายาว่าเป็นสามเหลี่ยมทองคำ The “Golden Triangle” โดยเฉพาะในย่าน 3 ถนนนี้ คือ ถนน Montaigne, George V, และถนน Champs-Élysées เหมาะกับผู้ที่ชอบบรรยากาศหรูหรา และชอบแต่งตัวดีๆ ตลอดเวลา

 

เขต 9 และเขต 10 ย่านโอเปร่าOpéra และคลองแซงมาแตง Canal St-Martin 

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 18

ย่านนี้น่าจะเหมาะกับท่านที่ชอบเดินช็อปปิ้งแบบเดินได้ทั้งวัน เพราะมีห้างแปรงตอง และแกลเลอลี่ลาฟาแย็ต (Printempt ,Gallerie La Fayette) 2 ดีพาร์ทเม็นท์สโตรส์หลักของนครหลวงแห่งนี้และร้านค้าย่อยๆ อีกพอสมควร แล้วก็ยังมีร้านอาหารและร้านกาแฟดีๆ แบบup scale ให้เลือกพอสมควร ในขณะที่ย่านที่อยู่ติดกัน คือย่านคลองแซงมาแตง(Canal St-Martin neighborhood) จะเป็นอีกแบบที่คนปารีเซียนท้องถิ่นชอบไปhangout คือเป็นย่านที่ติดดินหน่อยแต่ก็เท่มีสไตล์ ไม่มีฟอร์มไม่ฟอร์มัล

 

เขต 18 ย่านปิกัลPigalle และย่านมงมาตร์ Montmartre

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 3

ปิกัลเคยเป็นย่านโคมแดงของกรุงปารีสแต่ในปัจจุบันนี้ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นย่านnightlifeที่ลดความอีโรติกลงไป แต่ก็ยังมีความคึกคักอยู่เ พราะมันมี มูแลงรูจ (Moulin Rouge) กังหันลมสีแดง คลับคาบาเรต์ชื่อดัง อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการท่องราตรีของที่นี่มานมนาน ถึงเคยมีการเปรียบว่าย่าน ปิกัลนั้นก็เหมือน นรกภูมิที่อยู่เชิงเขามงมาตร์ที่เปรียบเป็นสวรรค์ภูมิเพราะมีวิหาร Sacré Cœur (ซัคเคร เกอ(เรอะ) ที่ตั้งอยู่นะจุดสูงสุดของปารีสและมีความศักดิ์สิทธิ์ ส่วนบริเวณรอบๆ ก็ยังถือเป็นย่านศูนย์รวมของเหล่าบรรดาศิลปิน จิตรกร ที่มาปล่อยฝีมือและขายผลงานแถบนี้อยู่

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 8

 

เขต 11ตะวันออก และ12 ย่านรีพุบบริค République, บาสตีล์ Bastille และปารีส

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 14

แถบนี้ไม่หรูหราฟุ่มเฟือยมาก แต่สะท้อนถึงบรรยากาศความเป็นอยู่แท้ๆ ของชนชั้นกลางชาวปารีเซียนอาจรวมถึงผู้อพยพอยู่บ้าง เพราะที่นี่เคยเป็นย่านโรงงานเก่า ปัจจุบันมันเป็นแหล่ง Hangout ตอนหลังเลิกงานมีร้านอาหารแบบBistroหรือ Brasseries ในแบบต้นฉบับของ Paris ตลอดจนไวน์บาร์และคาเฟ่ที่มีบรรยากาศสนุกสนาน ผมก็ชอบย่านนี้ครับไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากและที่จอดรถก็หาง่ายหน่อย
II. ปารีสฝั่งซ้าย The Left Bank “La Rive gauche”
ในขณะที่ฝั่งขวามีความเป็นการค้ามากกว่าฝั่งซ้ายซึ่งมีสวนสาธารณะที่เปิดโล่ง กระทรวง ทบวง กรม และสถานศึกษา แต่ก็ไม่ใช่ว่าฝั่งซ้ายจะขี้เหร่และไม่สนุกคึกคัก เนื่องจากฝั่งนี้เป็นย่านนักศึกษามหาวิทยาลัยและบรรดาศิลปินartistที่มีอุดมการณ์ ย่านที่จะแนะนำก็ดังนี้ครับ

เขต 5 ย่านละติน Latin Quartier

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 4

ความที่เป็นแหล่งนักศึกษาเพราะมีสถาบันการศึกษาชั้นนำอยู่หนาแน่นเช่นมหาวิทยาลัย Sorbonne และอื่นๆ เช่น École Normale Supérieure, École des Mines de Paris, Panthéon-Assas University, Schola Cantorum, และ Jussieu University Campus ทำให้ย่านนี้คึกคักแบบวัยรุ่นและไม่แพงมากมาตั้งแต่สมัยก่อนซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของพวกฮิปปี้ บุปผาชน นักศึกษาศิลปกรรม นักศึกษารัฐศาสตร์นิติศาสตร์ที่มีอุดมการณ์สูง เรียกว่าถ้ามีการประท้วงเดินขบวนก็มักเริ่มจากย่านนี้ แต่ปัจจุบันมันมีสไตล์เป็นของตัวเองตามยุสมัย มีร้านอาหารแบบBistroคลับพับบาร์ทุกรูปแบบ แต่ถ้าชอบร้านขนมปังต้นตำรับระดับartisanในย่านนี้ ให้ไปที่เลขที่ 8 rue Monge จะเป็นร้านดั่งเดิมก่อนจะมีสาขามากมายของ Eric Kayser ที่มักได้รับโหวตให้เป็นร้านที่มีขนมปังฝรั่งเศส (Baguette) และCroissant ที่อร่อยที่สุดในปารีส (จริงหรือไม่เราจะเก็บไว้คุยกันตอนเรื่องอาหารการกินในปารีส)

City Break PARIS Eric Kayser

ส่วนร้านขายของทั่วไปก็เป็นแบบมีสไตล์ในราคาไม่ต้องคิดเยอะ แต่ย่านนี้ก็มีร้านอาหารดีราคาแพงอย่าง ตูดาร์ชง Tour d’Argent อยู่ใกล้ๆ และก็มีสวนสาธารณะลุกซอมบูรก์ ( Luxembourg Gardens ) อยู่ ได้บรรยากาศแบบชีวิตในเมืองแบบ New York, London และถ้าชอบพิพิธภัณฑ์โรมันก็น่าไปชม Museum Cluny

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 11

 

เขต 6 แซงแจแมง เด เพรส์ St-Germain-des-Prés

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 2

เขตที่น่าสนใจที่สุดในฝั่งซ้ายก็คงเป็นเขตนี้มันเป็น Glamorous Neighborhood ที่เป็นที่ชื่นชอบของนักปราชญ์, ศิลปิน,จินตกวี ทั้งชาวฝรั่งเศสและต่างชาติมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วอย่างเช่น Delacroix, ManetหรือBalzac, Benjamin Franklin, Hemingway หรือแม้แต่ Pablo Picasso ก็ยังเคยฝากผลงานที่เป็นรูปที่ชื่อว่า Guernica ตอนที่เขามาอยู่ในย่านนี้ในปี1937 นอกจากนั้นบรรดาศิลปินแจ๊สทั้งหลายอย่าง Miles Davis หรือ John Coltrane ก็แวะเวียนกันมาเล่นในคลับแจ๊สที่มีอยู่พอสมควรในแถบนี้ แต่แฟนฟุตบอลที่ชื่อชอบทีม PSG (Paris Saint Germain) คงทราบนะครับว่า Home Stadium ของทีมที่ชื่อ ปาค เดอ แปรง Parc De Princes นั้นไม่ได้อยู่ย่านนี้ แต่ไปอยู่ทางใต้ของ Bois de Boulogne ใกล้กับสนามเทนนิส ฮอลอง การอส Roland Garros ที่ใช้แข่ง French Open โน่นเลย

City Break PARIS Pablo Picasso GUERNICA

ปัจจุบันชาวปารีส(ท้องถิ่นแท้ๆ แบบไม่ใช่มาจากต่างจังหวัด)มักอยากจะมีอพาร์ตเมนท์อยู่ในเขตนี้ มันมีร้านอาหารร้านกาแฟที่ติดโผ เช่น ร้านกาแฟ Les Deux Magots, Café de Flore หรือBrassarie Lipp มีร้านขายของแบบไม่เชย และมี Modern Art Galleries เหมาะกับคนที่มีความเป็น‘อา-ตีส’มากหน่อย และชอบลองอะไรที่เป็นท้องถิ่นแท้ๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวเยอะแยะ

City Break PARIS Les Deux Magots

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 1

สำหรับ Landmark ของที่นี่นั้นต้องอย่าลืมไปแวะเที่ยวโบสถ์ St-Germain-des-Prés

 

เขต 7 ย่านหอไอเฟล Eiffel Tower

City Break PARIS Eiffel Tower

แม้ว่าย่านนี้จะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนักแต่ความที่มีแม่น้ำเซนให้เดินเลียบเลาะไป ยิ่งถ้าชอบออกกำลังเป็นประจำทุกวัน ต้องวิ่งหรือขี่จักรยาน แถบนี้เหมาะมากมีสวนสาธารณะเปิดโล่งไม่อึดอัด แถวๆ ใกล้หอไอเฟลที่มองเท่าไรก็ไม่เบื่อหรือจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ดอเซ่ Musee d’Osay ที่มีศิลปะ Impressionism หรือจะล่องเรือไปตามแม่น้ำเซนทานมื้อเย็นก็ไม่เลว ผมว่าหากชอบถ่ายรูปและบรรยากาศโรแมนติก ชอบสะพาน ย่านนี้ก็เหมาะครับ

รู้จักย่านที่น่าสนใจของปารีสกันพอสมควรแล้ว ก็แค่ใช้ Booking Application ที่ท่านใช้อยู่จองโรงแรมได้เลยครับแค่filterตัวsearch engineของappให้เอาที่พักในเขตที่คุณชอบเท่านั้น คราวหน้ามาดูกันว่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นไม่ควรพลาดที่ไหน

หมายเหตุ : การออกเสียงภาษาท้องถิ่นที่เขียนเป็นตัวเอียงนั้น เป็นการใช้ภาษาไทยเขียนให้ออกมาใกล้เคียงเท่านั้นเพื่อให้ได้อรรถรส อาจไม่ใช่ภาษาเขียนและการออกเสียงที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ

City Break Paris Part II

เบรกเที่ยวในกรุงปารีส ตอนที่ 2
By Paul Sansopone

…..“ที่ผมชอบก็คือพนักงานเขียนใบสั่ง (Traffic Warden) จะขยันมาตรวจว่าเราหยอดมิเตอร์ถูกต้องหรือไม่ พวกเธอแต่งตัวยูนิฟอร์มสีฟ้าใส่หมวกเก๋ไก๋ นึกว่าเป็นแอร์โอสเตสสายการบินแอร์ฟรานซ์ เรียกว่าไม่เสียชื่อเมืองแฟชั่น……”

การเดินทางในกรุงปารีส
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเรื่องการเลือกย่านหรือเขตที่เหมาะกับการใช้เป็นที่พักพิงในปารีสนั้น เราควรรู้ก่อนว่าเราจะไปไหนมาไหนแบบเที่ยวให้ทั่วอย่างไร เพราะปารีสเป็นมหานครที่กว้างใหญ่กินอาณาเขตกว่า 100 ตารางกิโลเมตร ถ้ารวมเขตปริมณฑลด้วยยิ่งแผ่อาณาเขตไปไกลมาก ถ้าอยู่ขอบนอกจะเดินทางเข้ามาเที่ยวแต่ละครั้งก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเหมือนกัน เช่นมีครั้งหนึ่งผมเคยไปอยู่เขต อังโตนี่ (Antony) ห่างออกไปทางใต้ของปารีสแค่ 10 กว่ากิโล ฟังดูเหมือนไม่ไกล แต่การเดินทางใช้เวลามากเพราะกว่าจะเดินไปสถานีรถไฟ RER แบบรถชานเมืองที่มีตารางเข้าออกไม่บ่อยนักในสมัยนั้น ก็ใช้เวลานานอยู่
ดังนั้นถ้าถามว่าถ้าเราจะไปเที่ยวปารีสให้สนุกนั้น หากมีเวลาไม่มากก็ควรอยู่ในตัวเมืองครับ แล้วที่ไหนล่ะที่เรียกว่าตัวเมือง ปกติถ้าเป็นเมืองต่างๆ ในยุโรปก็ต้องบอกว่าก็ต้องบอกว่าอยู่ในเขตเมืองเก่าหรือภายในเขต City Wall แต่ถ้าเป็นปารีสก็ต้องบอกว่าจุดไหนก็ได้ที่อยู่ภายในเขตถนนวงแหวนของกรุงปารีสที่เรียกว่า “เปริเฟฮริก “(Périphérique) หรือเรียกสั้นๆ ว่า Périph ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1958 ตามแนวเขตกำแพงเมืองเก่าบางส่วนของกรุงปารีส ซึ่งถ้าเราขับรถวิ่งไปครบรอบวงแหวนนี้จะได้ระยะทางทั้งสิ้น 35.04 กิโลเมตร ใช้เวลา 30 นาที เพราะต้องวิ่งตามความเร็วจำกัดของถนนวงแหวนนี้ก็คือ 70 กม.ต่อชั่วโมง

City Break Paris Travel in Paris

โดยปกติถ้าเป็นถนนวงแหวนหรือถนนไฮเวย์แบบนี้ก็จะมีทางออกที่เรียกว่า “ซ็อกตี” Sortie (หมายถึง Exit) ไปยังจุดต่างๆแต่เนื่องจากถนนวงแหวนของกรุงปารีสนั้นสร้างตามตามแนวเขตกำแพงเมืองเก่าซึ่งมี ‘ประตูเมือง’ ที่เรียกว่า “ป๊อกต์”Portes (City Gates) อยู่ถึงกว่า 30 แห่ง ทำให้ทางเข้าออกของถนนวงแหวนแห่งนี้ก็จะลงไปที่จุดประตูเมืองนั่นเอง เช่น ประตูคลีนองกูร์( Porte de Clignancourt , ประตูแบร์ซี่( Porte de Bercy) เป็นต้น และประตูที่อยู่ทางทิศเหนือใต้ออกตกก็จะเชื่อมออกสู่ถนนไฮเวย์ (Autoroute) ไปสู่ภูมิภาคซึ่งจะสังเกตว่า ชื่อของไฮเวย์สายต่างๆ จะใช้ A นำเพราะมาจากคำว่า Autoroute นั่นเอง เช่น A1, A2 ในขณะที่ประเทศอังกฤษใช้คำว่า Motorway ทางด่วนในอังกฤษก็เลยเป็น M นำหน้า เช่น M1, M2 (ดูภาพประกอบข้างล่าง)

City Break Paris Travel in Paris 1

แต่การพูดถึงถนนวงแหวน ผมก็ไม่ได้หมายถึงจะแนะนำหรือส่งเสริมให้เช่ารถนะครับ ยกเว้นมีโปรแกรมที่จะเดินทางไปเที่ยวเมืองอื่นต่อด้วย เพราะการจารจรในปารีสมันน่าอึดอัดใจอยู่โดยเฉพาะช่วงเร่งด่วน และการจอดรถนั้นก็ไม่ง่ายเลยยกเว้นว่าคุณจะยอมเสียเงินไปจอดตาม Private Parking ที่เก็บค่าจอดสูงพอควร ยิ่งถ้าจอดค้างคืนด้วยก็เสียค่าจอดคืนละไม่ต่ำกว่า 20-30 ยูโรแน่ๆ ส่วนที่จอดแบบมิเตอร์ข้างถนนนั้นเสี่ยงอยู่ ถ้าจอดในย่านไม่ดีกลับมาอาจโดนทุบกระจกหรือไม่ก็เจอรอยบุบตามกันชนหน้าหลัง เพราะที่ปารีสนั้นเขาจอดกันแบบพอดีคันจริงๆ (ดูรูปข้างล่าง) แล้วเวลาเข้าออกนั้นเขาก็จะขับดันคันหน้าออกไปหรือถอยดันคันหลังออกไปหน้าตาเฉย คุณต้องไปจ่ายค่า Excess ให้บริษัทรถเช่าแน่ๆ

City Break Paris Parking in Paris

แต่ที่เป็นเสน่ห์ของการจอดรถในปารีสก็มีนะครับ ที่ผมชอบก็คือพนักงานเขียนใบสั่ง (Traffic Warden) จะขยันมาตรวจว่าเราหยอดมิเตอร์ถูกต้องหรือไม่ พวกเธอแต่งตัวยูนิฟอร์มสีฟ้าใส่หมวกเก๋ไก๋ นึกว่าเป็นแอร์โอสเตสสายการบิน แอร์ฟรานซ์ เรียกว่าไม่เสียชื่อเมืองแฟชั่น (ดูรูปข้างล่าง: เจ้าหน้าที่เขียนใบสั่งของปารีสในยุคปี 80) แต่จริงๆ แล้วก็ไม่น่าจะต้องกังขาเพราะผู้ออกแบบเครื่องแบบดังกล่าวก็คือ Marie-Louise Carven เจ้าของแบรนด์ดังชื่อการ์วง Carven ที่เป็นห้องเสื้อระดับสูงเจ้าแรกที่ทำชุดสำเร็จรูป (Credit: Wikipedia..first couturieres to launch a prêt-à-porter line) Carven ยังออกแบบชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องของกว่า 20 สายการบินและชุดพนักงานรถไฟ ยูโรสตาร์อีกด้วย

City Break Paris Parking in Paris 1

สรุปก็คือการเช่ารถมาเที่ยวปารีสเป็นเรื่องน่ากังวลใจอยู่ จริงๆ แล้วปารีสคือเมืองที่เหมาะแก่การเดินเที่ยวมากที่สุดในโลกครับ และถ้าต้องการจะไปไหนที่มันไกลกว่าพิกัดการเดินแล้วก็ไม่ต้องกังวล เพราะตราบใดที่เราอยู่ในพื้นที่ด้านในกรอบถนนวงแหวนแล้วการไปไหนก็ไม่ยาก เพราะปารีสมีระบบรถไฟใต้ดินที่ทันสมัยเรียกว่าไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของเขตภายในถนนวงแหวนนั้นคุณก็สามารถจะเดินหาสถานีรถไฟใต้ดินที่เรียกว่า Metro ของที่นี่ได้ภายในระยะทางเดินไม่เกิน 600 เมตร แต่ถ้าเป็นย่านพลุกพล่านกลางเมืองจริงๆ ก็ไม่น่าเกิน 300 เมตรเลยทีเดียว สะดวกมาก ต้องขอพูดถึงซะหน่อย

Métro de Paris

City Break Paris Metro in Paris 2

Métro คือระบบรถไฟใต้ดินของกรุงปารีสอ่านว่า ‘เมะโทร’ย่อ มาจากคำว่า Métropolitain ที่แปลว่านครหลวงหรือมหานคร แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมาจากชื่อบริษัทแรกที่ทำการบริหารระบบรถไฟใต้ดินของมหานครแห่งนี้ที่ชื่อ La Compagnie du chemin de fer métropolitain de Paris หรือบริษัทการรถไฟแห่งนครปารีส ซึ่งก็เพราะชื่อยาวเหยียดแบบนี้คนปารีสหรือที่เรียกว่าปารีเซียน (Parisienne) นั้นก็เลยย่อให้เหลือแค่ Métro สั้นๆ

City Break Paris Metro in Paris 3

มันเริ่มก่อสร้างมากว่า100 ปีแล้วโดยแนวคิดมาตั้งแต่ปี 1845 ตอนแรกก็เพราะรถไฟบนดิน รถรางและรถยนต์สวนกันไ มาเริ่มมีอุบัติเหตุบ่อยประกอบกับรถไฟใต้ดินของเมืองคู่แข่งอย่างลอนดอน ที่มีชื่อเล่นว่า ‘The Tube’ นั้นก็เปิดใช้ประสบความสำเร็จเป็นระบบใต้ดินแห่งแรกของโลกตั้งแต่ปี 1863 ทำให้ปารีสไม่ยอมน้อยหน้ากำหนดเปิดรถไฟใต้ดินสายแรกในปี1889-1900 ซึ่งเป็นช่วงที่ปารีสได้เจ้าภาพจัดงานนิทรรศการสินค้านานาชาติที่เรียกว่า World’s Fair (Exposition Universelle) ซึ่งก็มีหอไอเฟลซึ่งตั้งใจสร้าง (โดย Gustave Eiffel) เพื่องานนี้โดยเฉพาะ เป็นไฮไลท์ และเนื่องจากยุคปี1900 นั้น เป็นยุคศิลปะแบบ Art Nouveau ซุ้มประตูลงรถฟใต้ดินของปารีสจึงถูกออกแบบในสไตล์ Art Nouveau โดยศิลปินที่ชื่อ Hector Guimard ปัจจุบันผลงานที่เป็นซุ้มประตู Metro ของเขาก็ยังมีเหลืออยู่ถึง 86 แห่งในปารีส

City Break Paris Metro in Paris 4

และรถไฟใต้ดินในปารีสนั้นก็ยังมีแนวคิดไม่ยึดติด เช่น เพื่อให้มีความนุ่มนวลในการเดินทาง ได้ออกแบบล้อให้เป็นแบบยางรถยนต์ไม่ได้ใช้ล้อเหล็กเหมือนรถไฟปกติ (เฉพาะในบางเส้นทาง) ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ลองใช้บริการ

City Break Paris Metro in Paris 1

ทุกวันนี้มีคนใช้รถไฟใต้ดินในปารีสเฉลี่ย 4.16 ล้านคนต่อวัน และปัจจุบันมี 16 สาย 303 สถานี โดยมีสถานีชุมทางใหญ่ที่เรียกว่า Correspondence อยู่ที่สถานี Châtelet – Les Halles ที่มีถึง 5 สายตัดผ่านที่นี่สำหรับการเชื่อมต่อ และยังมีระบบรถไฟชานเมืองที่เรียกว่าRER (Réseau Express Régional) ที่ไม่หยุดทุกสถานีเข้ามาเสริมระบบ Metro อีก 5 สาย A, B, C, D, E ซึ่งทำให้สะดวกยิ่งขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อยู่นอกเขตถนนวงแหวน

รูปด้านล่างเป็นภาพการออกแบบปรับปรุงใหม่ของทางเข้า Forum des Halles ซึ่งเป็น Shopping Complex ที่เชื่อมต่อกับชุมทางรถไฟใต้ดินขนาดใหญ่ของกรุงปารีสคือ Châtelet – Les Halles

City Break Paris Metro in Paris Forum des Halles Chatelet – Les Halles

ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวปารีสก็มักจะมี Plan du metro หรือแผนที่รถไฟใต้ดินติดกระเป๋าไว้แทบจะเรียกว่า 8 ใน 10คนของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ แต่ของกรุงเทพฯยังไม่ต้องเพราะตอนนี้มีอยู่แค่ 2 สายเท่านั้น จำไม่ยาก

City Break Paris Travel in Paris 2

ตัวอย่างแผนที่ระบบการบริการสาธารณะด้านการเดินทางภายในถนนวงแหวน

ก่อนจะจบตอนนี้ อยากจะขอแนะนำสถานีรถไฟใต้ดินในปารีสที่สวยที่สุดสัก 5-6 สถานี เพราะ ช่วงหลังนี้แต่ละเมืองใหญ่ก็แข่งกันทำสถานีรถไฟใต้ดินของตัวเองให้สวยขึ้น เช่นที่สต็อคโฮม ประเทศสวีเดน ไม่ต้องพูดถึงกรุงมอสโคของประเทศรัสเซีย ที่มีสถานีรถไฟใต้ดินที่ดูแกรนด์ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว สำหรับในปารีส สถานีที่น่าสนใจ มีดังนี้

สถานีรถไฟใต้ดินที่น่าสนใจของกรุงปารีส

1.สถานี Louvre-Rivoli สถานีนี้เปิดใช้ตั้งแต่ปี 1900 มีการตกแต่งให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Louvre ตามชื่อของสถานี แต่เมื่อปี 1989 หลังจากที่มีการสร้างปิรามิดแก้วทางเข้าใหม่และทางเข้าอีกด้านจากทางสถานี Palais Royal ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็นLouvre-Rivoli เพราะมีทางออกไปถนน Rivoli ด้านข้างพิพิธภัณฑ์ที่ถือเป็นถนนสาย Shopping แบบ High Street ที่ใครๆก็ชอบเนื่องจากเป็นย่านที่ขายสินค้าในราคาพอเหมาะ

City Break Paris Metro in Paris Louvre Rivoli

 

2.สถานี Concorde ที่เป็นเสน่ห์ของการตกแต่งสถานีกองกอรด์ Concorde ก็คือผนังที่ปูกระเบื้อง (Tiled Walls) จริงๆ ทุกๆ สถานีของกรุงปารีสก็ใช้กระเบื้องปูผนังที่สวยอยู่แล้วแต่ที่นี่คิดรูปแบบโดย Françoise Schein’s เป็นรูปแบบคล้าย Words Puzzle หรือ Cross words ให้หาคำซึ่งจะเกี่ยวกับการประกาศสิทธิมนุษย์ชน Declaration of the Rights of Man ซึ่งเชื่อมโยงมาจากการปฏิวัติฝรั่งเศส เนื่องจากในปี 1989 ที่มีการตกแต่งกำแพงในสถานีนี้นั้นเป็นการฉลองครบรอบ 200 ปีของ French Revolution และจัตุรัสกองกอรด์ก็คือลานประหารชีวิตของผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับฝ่ายปฏิวัติในสมัยนั้น

City Break Paris Metro in Paris Concorde

 

3.สถานี Varenne สถานีนี้อยู่ในเขต 7 (7th arrondissement) ก็มีมุกคล้ายๆ สถานี Louvre ที่จำลองผลงานในพิพิธภัณฑ์มาตกแต่ง เพราะเนื่องจากสถานี Varenne นั้นอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์โรแดง Rodin Museum. ซึ่งRodin เองถือว่าเป็นบิดาแห่งประติมากรรมสมัยใหม่( Modern Sculpture ) เจ้าของผลงาน ‘นักคิด’หรือปงส์เซอร Le Penseur (The Thinker) ซึ่งมีการจำลองไว้ที่สถานีนี้พร้อมมีเรื่องราวบอกว่าที่จริง ประติมากรรมที่ชื่อปงส์เซอร นั้นเมื่อก่อนนี้ชื่อว่า “The Poet” เพราะตั้งใจจะให้หมายถึง Dante ยอดนักปราชญ์ของอิตาลี ดังนั้นหากถ้าเราไม่มีเวลาเข้าพิพิธภัณฑ์โรแดงก็แอบไปselfieกับ‘นักคิด’ ท่านนี้ได้ที่สถานีนี้เลย

City Break Paris Metro in Paris Varenne

 

4.สถานี Cluny-La Sorbonne สถานีนี้อยู่ในย่าน ‘กาติเย่ ลาแตง’ในเขต5 (5th arrondissement) มีผลงานโมเสก (Mosaics)บนเพดานของ Jean Bazaine ที่ชื่อ Les Oiseaux (The Birds) นอกจากนั้นยังมีชื่อของผู้มีชื่อเสียงที่เคยอยู่ในย่านนี้มาก่อน เช่น Rabelais, Molière ฯลฯ สถานี Cluny-La Sorbonne เปิดครั้งแรกในปี 1930 ตั้งชื่อตามพิพิธภัณฑ์ ครูนี่ Musée de Cluny และมหาวิทยาลัย Sorbonne University

City Break Paris Metro in Paris Cluny La Sorbonne

 

5.สถานี Bastille Bastille Day (July 14th) คือวันชาติฝรั่งเศสและถือเป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ของประเทศ สถานีบาสตีล์ Bastilleนั้นตั้งอยู่ ณ บริเวณใดที่เคยเป็นคุกบาสตีล์ที่ขังนักโทษกบฎ และในวันที่14 กรกฎาคมของปี 1789 ก็เป็นวันที่ประชาชนปารีสหมดความอดทนกับระบอบการปกครองและความยากจน จึงมีการลุกฮือกันทำลายคุกนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นสัญญาลักษณ์ของการปฎิวัติฝรั่งเศส ดังนั้นที่กำแพงของสถานีนี้จึงมีเรื่องราวในลักษณะเป็นการเปลี่ยนแปลงของชีวิตคนฝรั่งเศส( Life-changing ) หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นมันเป็นผลงานของ Liliane Belembert และ Odile Jacquot มีทั้งหมด 5 ภาพเรียกว่าเหมือนได้เข้าโบสถ์ไปดูภาพ fresco ยังไงยังงั้นเลย

City Break Paris Metro in Paris Bastille

 

6.สถานี Arts et Metiers สถานีArts et Metiers เปิดครั้งแรกในปี 1904 แต่ถูกออกแบบใหม่ในปี 1994 เพื่อฉลองครบรอบ 200 ปีของการรักษาไว้ซึ่งศิลปหัตถกรรมของชาติ โดยการออกแบบใหม่นี้ตกแต่งให้สถานีเป็นเหมือนเรือดำน้ำที่ชื่อ นอติลุส (Nautilus)ในนวนิยายของ Jules Verne เรื่อง “ใต้ทะเล 20000 โยชน์” (20000 leagues under the sea) สถานีนี้ผมชอบมากที่สุด ถ้าคุณอยากไปดูให้นั่งสาย 3 หรือ11 จะผ่านสถานีนี้ครับ

City Break Paris Metro in Paris Arts et Metiers

เจอกันคราวหน้าเราจะมาคุยกันถึงเขตหรือย่านที่น่าพิจารณาว่าเราควรจะเลือกจองที่พักเราในเขตไหนดี