By Pusit Sansopone
เบรกเที่ยวในกรุงปารีส ตอนที่ 39
Dinner in Paris (ต่อจากตอนที่แล้ว)
เมื่อตอนที่แล้วเราพูดถึงร้านอาหารติดดาวมิชลินในปารีส แบบที่เราสามารถไปกินได้โดยกระเป๋าไม่ฉีกคือมีราคาสมเหตุผลไม่ต่างกับร้านทั่วไปมากนักซึ่งจะเป็นเป็นร้านติดดาว มิชลิน 1-2 ดวงและในตอนนี้ซึ่งเป็นภาคต่อเราก็จะมาพูดถึงร้านที่ได้มิชลิน 3 ดาวทั้งหมดในปารีสสำหรับ ’ผู้ที่ไม่เกี่ยงราคาถ้าดีจริง’ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วมีอยู่ด้วยกัน 10 ร้านแต่ในปี 2019นี้ประกาศผลล่าสุดเหลืออยู่เพียง 9 ร้านเท่านั้น เพราะร้านของ Chef Pascal Barbot ที่ชื่อว่า L’Astrance นั้นตกจากระดับ 3 ดาวลงไปเป็นระดับ 2 ดาวอย่างน่าประหลาดใจในปีนี้ แต่เรายังคงอดพูดถึงร้านนี้ไม่ได้อยู่ดีเอาเป็นว่าแนะนำทั้ง 10 ร้านไปเลย 2 ตอนจบครับ
ร้านอาหารระดับ 3 ดาวของมิชลินในปารีส ทั้ง 9 ร้านนั้นต้องบอกว่าต้องใช้งบประมาณต่อมื้อสูงเอาเรื่องอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มีรายได้ปานกลางแต่รสนิยมการกินสูงนั้นจะหมดสิทธิ์ซะทีเดียว ลูกค้าหลายคนที่เป็นผู้แสวงหาที่สุดของศิลปะการปรุงอาหารชั้นสูงของฝรั่งเศสแบบ Haute Cuisineนั้นก็ไม่ได้เป็นเศรษฐีแต่อย่างไรแค่เป็นนักกินพันธุ์แท้อยากได้ประสบการณ์ก็ได้ เช่นช่วงหลังร้านแบบนี้มีลูกค้าที่เป็น Food&Travel Blogger จากทั่วโลกก็เยอะอยู่
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเพลิดเพลินกับมื้ออาหารที่ร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินคือการไปลอง Lunchtime Tasting Menu ครับ เพราะนอกจากจะได้อาหารจัดชุดโดยเชฟที่เราอย่างชิมฝีมือแล้ว การจองก็จะไม่ยากเท่ามื้อค่ำที่ดีที่สุดก็คือราคาต่อหัวโดยเฉลี่ยนั้นจะถูกกว่ามื้อค่ำ 20-40% เลยทีเดียวขึ้นอยู่กับช่วงไหนเชฟจะแนะนำอาหารพิเศษแค่ไหน เรียกว่าอาหารกลางวัน เมนูระดับเริ่มต้นเหล่านี้จะช่วยเป็นจุดเริ่มต้นให้เรารู้จักและคุ้นเคยกับสุดยอดอาหารฝรั่งเศสระดับ 3 ดาวของมิชลินเป็นอย่างดี
พอดีผมไปเจอบทความที่เขียนโดย Food Blogger ที่ชื่อ Meg Zimbeck เขียนไว้ในหัวข้อ Report on Haute Cuisine ซึ่งได้ไปลองชิมมาทุกร้านแล้วก็เลยขอนำเรื่องราวน่าสนใจนี้มาแชร์ (credit : Parisbymouth.com & parisinsidersguide.com) เพื่อใช้เป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกร้าน เพราะMeg จะมีการสรุป เรื่องงบประมาณราคา,คุณภาพอาหารและบริการตลอดจนสิ่งที่เราจะได้สัมผัส ในแง่บรรยากาศประสบการณ์การที่ได้ไปกินที่ร้านนี้ ซึ่งน่าสนใจทีเดียว เรามาเริ่มจากร้านแรกกันเลย
1. Pierre Gagnaire เพียร์กานแยร์
Pierre Gagnaire: dining room
Pierre Gagnaire เริ่มอาชีพการทำอาหารเมื่ออายุได้ 14 ปีเขาได้รับรางวัลดาวมิชลิน 3 ดวงในปี 1993 แน่นอนว่าระดับPierre นั้นเขามีร้านอาหารอื่นๆ ในปารีสและทั่วโลก เช่น ลอนดอน ลาสเวกัส ฮ่องกง และโตเกียว Pierre ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักกินบ่อยครั้งที่ห้องรับประทานอาหารอันทันสมัยของเขา เนื่องจากเมนูและสูตรอาหารของเขาเปลี่ยนไปบ่อยครั้งและเป็นผู้นำเรื่องความสมัยใหม่ (Modern Cooking) หากนายธนาคารของคุณไม่ยอมให้คุณสั่งเมนูอาหารตามสั่งที่แพงสุดๆของร้าน ที่นี่ก็มี Tasting Menu เมนูชิมอาหารค่ำ, เมนูอาหารกลางวันราคาสมเหตุสมผลแต่เมนูทรัฟเฟิลสีดำราคาแพงก็ถือว่าคุ้มค่าหรือจะเริ่มต้นจากทาปาสเมนูที่เราจะได้อาหารเรียกน้ำย่อยจานเล็กหกถึงเจ็ดจานที่สร้างสรรค์อย่างดุเดือด ให้คุณได้สัมผัสถึงจิตวิญญาณของการต้อนรับในรูปแบบของ Pierre Gagnaire
การปรุงอาหารของ Pierre Gagnaire นั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นพ่อครัวระดับสามดาวที่ทันสมัยที่สุด แต่มันก็มักจะออกมายอดเยี่ยมอยู่กับร่องกับรอยมีความสม่ำเสมอ ความสนุกสนานของอาหารราวกับโดนฉีดด้วยอะดรีนาลีนเข็มใหญ่ที่กระตุ้นให้ประสบการณ์การกินที่นี่มันเร้าใจไม่เหมือนที่ไหน
ประเภทอาหาร: อาหารจานโปรดที่ Meg ชอบก็คือหอยเชลล์ทะเลที่จับคู่กับกะเพราะปลา Caillette จากแค้วนเบรอตงสอดประสานกับมันสำปะหลัง Sunchoke ตามด้วยปลา Poularde ทีมีลักษณะคล้ายปลาทับทิมที่มาแบ่งเป็น 2 ซีกแล้วนำเสนอด้วยรูปแบบการปรุง 2 แบบไม่เหมือนกัน และแน่นอนว่าของหวานที่นี่ยอดเยี่ยมมากๆ
Pierre Gagnaire: shrimp, onion, salsify
ข้อสรุปของ Meg
การบริการและประสบการณ์ที่ได้รับ: ห้องรับประทานอาหารนั้นได้รับการตกแต่งในสไตล์ร่วมสมัยแต่อาจจะหรูหราน้อยกว่าร้าน 3 ดาวมิชลินร้านอื่นๆที่เป็นคู่แข่ง ที่น่าสังเกตุคือพนักงานเสิร์ฟนั้นดูไร้ความสุขเพราะไม่ค่อยยิ้มแย้มเท่าที่ควรแม้ว่าพวกเขาจะคอยเฝ้าสังเกตุคุณตลอดเวลาว่าคุณกำลังต้องการอะไร เช่นคุณแค่เกาจมูกก็จะมีบริกรวิ่งเข้ามาหาคุณแล้ว
•ราคาของเมนูอาหารกลางวัน: € 160
•ไม่มีสามารถปรับเปลี่ยนตัวเลือกในรายหารเมนูอาหารกลางวันได้
•การจับคู่ไวน์: สามารถเลือก Wine Pairing ที่ทางร้านแนะนำในราคาอยู่ระหว่าง € 14-21 ต่อแก้ว
•ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของมื้อกลางวันสำหรับ 2 ท่านรวมถึงน้ำไวน์และกาแฟ: € 486 (รวมเบ็ดดสร็จโดยประมาณ)
จุดเด่น: อาหารที่ทันสมัยและมีนวัตกรรม/การบริการที่เป็นทางการ/การตกแต่งภายในที่เรียบง่าย/การจัดจานการตกแต่งจานที่น่าทึ่ง/ แต่ไม่มีตัวเลือกในเมนูอาหารกลางวันจากเชฟผู้มีชื่อเสียง
ที่ตั้งและรายละเอียดร้านอยู่ข้างล่างนี้เลยครับ
• Hotel Balzac, 6 Rue Balzac
• 8th Arrondissement
2. Le PréCatelan เลอเพร่คัตทาลัน
บรรยากาศการกินที่นี่มันได้คะแนนมาตั้งแต่ตอนคุณนั่งรถผ่านสวนป่ากลางกรุงปารีสที่ชื่อบูโลนญ Bois de Boulogne แล้วคุณก็พบว่าตัวเองกำลังจะได้รับประทานอาหารใต้ต้นเกาลัดบนเฉลียงของ Napoleon III Pavilion ซึ่งสามารถมองเห็นสวนและสนามหญ้าที่ตกแต่งแบบ French Garden ที่ Le PréCatelan
Le Pré Catalan: dining room
เชฟ Frederic Anton เฟรเดอริกแองทอนนำเวทมนตร์การทำอาหารมาสู่ร้านอาหารโดยได้รับ 3 ดาวในระยะเวลาอันสั้น Le PréCatelan เป็นร้านอาหารสำคัญของกลุ่ม Lenôtre (กลุ่มทำร้านอาหารและขนมจากนอร์มงดีและมีโรงเรียนสอนทำขนม/ขนมอบ) Frederic Anton มาร่วมกับกรุ๊ปเมื่อปี 1997 เมื่อร้านนี้มันมีดาวเพียงดวงเดียว Anton มาถึง Le Préหลังจากทำงานโดยตรงกับเชฟ Joël Robuchonที่ Jaminในร้านอาหารระดับ 3 ดาวของเขา
เชฟ Frederic Anton
แม้ว่าคุณจะไม่อยากเลือกกินจากเมนูอาหารตามสั่ง(A la carte)sหลังจากเห็นราคาของมัน แต่คุณก็ยังสามารถมีความสุขกับเมนูอาหารกลางวันและได้ลิ้มลองความอร่อยที่ Chef Anton จัดให้ได้ เชฟคนนี้มีมีชื่อเสียงในเรื่อง Foie Gras กับ Port wineและหัวผักกาด สลัดปูกับเกรปฟรุ้ตพริกไทยอ่อนและรสชาติไทย ปลาห่อในสาหร่ายและไอศครีมเกาลัด
ข้อสรุปของ Meg
การบริการและประสบการณ์ที่ได้รับ:
บริการและประสบการณ์: เช่นเดียวกับที่ร้าน Ledoyen, L ‘Ambroisie และ Le Meurice ที่นี่ให้ความรู้สึกย้อนเวลากลับไปในอดีต บริการรถเข็นสำหรับแชมเปญและชีส ดูเหมือนร้านในอดีต ส่วนเสาหินอ่อนและโคมไฟระย้าก็เพิ่มความคลาสสิก ในส่วนการบริการก็ทำได้อย่างเป็นทางการและมีความสามารถสูง
•ราคาของเมนูอาหารกลางวัน: € 110
•ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของมื้อกลางวันสำหรับ 2 ท่านรวมถึงน้ำไวน์และกาแฟ: € 309
•ไวน์: การจับคู่ Wine Pairing กับอาหารที่แนะนำซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม € 40 ต่อคนนั้นยอดเยี่ยม
จุดเด่น: อาหารชั้นสูงของฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม/มีตัวเลือกในเมนูอาหารกลางวัน/บริการที่เป็นทางการ/การตกแต่งภายในที่หรูหราคลาสสิก
ที่ตั้งและรายละเอียดร้านอยู่ข้างล่างนี้เลยครับ
Bois de Boulogne
• 16th Arrondissement
• Website…
3. Arpège
Chef Alain Passard
หากคุณรู้สึกหิวและหากเงินไม่ใช่ปัญหา หลังจากเดินเล่นในพิพิธภัณฑ์ Rodin ที่อยู่ใกล้เคียงคุณอาจลองทานอาหารกลางวันที่ Arpège ได้เลย นั่นคือถ้าคุณควรวางแผนล่วงหน้าเพื่อทำการจอง ขอแนะนำ เมนูผักของ Chef Alain Passard ที่มุ่งเน้นไปที่ผลิตผลสดที่เก็บเกี่ยวได้โดยตรงจากสวนเกษตรอินทรีย์ของเขาเอง The Gardener’s Lunch เป็นเมนูอาหารระดับเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมหรือหากคุณรู้สึกเหนื่อยล้าต้องการเพิ่มกำลังวังชาด้วยโปรตีนซะหน่อย ก็ให้จองเมนูชิมที่ชื่อ Terre&Mer หรือ บกกับทะเล นั่นเอง (Surf&Turf)
เช่นเดียวกับพ่อครัวชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ Alain Passard เริ่มทำอาหารเมื่อเขาเป็นวัยรุ่น อาชีพการทำอาหารที่จริงจังของเขาเริ่มต้นในปี 1980 ที่ Ducd’Enghien (เป็นเหมือนลาสเวกัสของฝรั่งเศส) ซึ่งเขาได้ทำสูตรอาหารที่มีชื่อเสียงที่เขาเสิร์ฟมาจนถึงทุกวันนี้ เช่น chaud-froidegg with maple and chives เขาเปิด Arpege ในปี 1986 และได้รับสามดาวในทศวรรษต่อมา พ่อครัวที่มีชื่อเสียงในระดับปรมาจารย์ในปารีส ดูได้จาก ผู้ที่ฝึกฝนภายใต้การดูแลของ Passard ได้แก่
ความเห็นของMeg ก็คือ ร้านอาหารระดับสามดาวร้านนี้ที่ เป็นสถานที่ที่คุณจะรักหรือเกลียด คือถ้าชอบก็ชอบมากๆก็ไม่ชอบไปเลย เพราะเชฟ Alain Passard มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะและหลายคนขึ้นมาเป็นเชฟแนวหน้ากันหมดเช่นเดียวกับเขา เช่น David Toutain, Bertrand Grébaut ก็กำลังทำงานเวทมนตร์ที่คล้ายคลึงกันคือทำอาหารในสไตล์เดียวกันหรือซ้ำซ้อนกันแต่ในราคาเพียงที่ถูกกว่าพอสมควร ก่อนจอง Arpège ต้องถามตัวคุณเองว่า: คุณต้องการชิมฝีมือเชฟระดับปรมาจารย์คือ Passard เท่านั้น ใช่หรือไม่ หรือต้องการผักประดิษฐ์จากสวนผักที่เขาทุ่มเทให้มันออกมาวิเศษไม่เหมือนใคร
Arpège: assorted vegetable amuses bouche
Arpège: baby boar with hibiscus, onion and turnip
Arpège: dining room
• บริการ & ประสบการณ์: บริการน่ารัก /การต้อนรับที่ไม่ซับซ้อนและไม่เป็นทางการมากเกินไป /ชอบการจับคู่ไวน์ที่แนะนำจากซอมเมลิเย่ร์
• •ราคาของเมนูอาหารกลางวัน: € 140
•ไม่มีตัวเลือกในเมนูอาหารกลางวัน
•ไวน์: การจับคู่ที่แนะนำอยู่ระหว่าง € 14-28 ต่อแก้ว
•ราคารวมอาหารกลางวันสำหรับ 2 ท่านรวมถึงน้ำไวน์และกาแฟ: € 517
จุดเด่น: อาหารที่ทำจากปลาและผัก/บริการแบบสบาย /การตกแต่งภายในที่เรียบง่ายทันสมัย/การตกแต่งจานที่งดงาม แต่ไม่มีทางเลือกในเมนูอาหารกลางวันจากเชฟผู้มีชื่อเสียง
ที่ตั้งและรายละเอียดร้านอยู่ข้างล่างนี้เลยครับ
84 Rue de Varenne
• 7th Arrondissement
• Website…
4. Guy Savoy
Guy Savoy ผู้ซึ่งเป็นเชฟที่รักศิลปะและแฟชั่นกล่าวว่าร้านอาหารของเขา ซึ่ง ตกแต่งด้วยไม้แอฟริกาสีเข้ม และหนังสีเบจและภาพวาดสมัยใหม่ นั้นเป็นเหมือนโรงเตี๊ยมในศตวรรษที่ 21 ของเขา เขาอธิบายถึงสไตล์ของเขาว่า “สบาย ๆ ” และขยายความรู้สึกผ่อนคลายในห้องรับประทานอาหารของเขา ส่วนอาหารของเขาก็ตกอยู่ในระหว่างความหรูหราที่แท้จริงกับความเรียบง่ายแบบสุดๆ ตัวอย่างเช่นจานเด่นของเขา อาติโช๊คและซุปทรัฟเฟิลสีดำ
หากคุณต้องการที่จะลองรับประทานอาหารที่ร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินแต่กลัว่าค่าใช้จ่ายจะสูงไปต้องมาที่นี่เลยครับเพราะ Guy Savoy เสนอเมนูอาหารกลางวันในราคาที่สมเหตุสมผล ทุกวันซึ่งรวมถึงสามคอร์สเมนูในราคาเพียง 130 ยูโรพร้อมไวน์ที่แก้วราคาเริ่มต้นที่ 10 ยูโร แต่ ข้อเสนอนี้ใช้ได้เฉพาะเมื่อคุณจองออนไลน์ หรือถ้าจะให้ดูเท่หน่อยก็ต้องจองเมนูColours, Textures and Flavours สี,ผิวและรสชาติ 12 คอร์ส ในราคาต่อหัวที่ €415 หรือประมาณ 15,000 กว่าบาทครับ
Megคิดว่ามันวิเศษมากที่ Guy Savoy มุ่งมั่นที่จะนำเสนอเมนูอาหารกลางวันที่ราคาถูกกว่าเพื่อดึงดูดผู้คนในวงกว้าง คำทักทายเบื้องต้นซึ่งถูกส่งมอบให้กับทุกโต๊ะโดยกล่องเล็กๆที่เขียนว่า “อาหารมื้อนี้ออกแบบมาเพื่อใช้เวลาสองชั่วโมงกับสิบห้านาที”
Guy Savoy: seafood
Guy Savoy: showcase
• บริการ & ประสบการณ์: บรรยากาศและสถานที่ก็อย่างที่Savoyบอกไว้เลย”ตกแต่งด้วยไม้แอฟริกาสีเข้ม และหนังสีเบจและภาพวาดสมัยใหม่ นั้นเป็นเหมือนโรงเตี๊ยมในศตวรรษที่ 21”/ บริการเป็นมืออาชีพและปรับให้เข้ากับความต้องการของนักทานที่มีประสบการณ์น้อยกับการรับประทานอาหารระดับสามดาว พวกเขาทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
•ราคาของเมนูอาหารกลางวัน: €170 (รวมทั้งหมด)
•ไม่มีตัวเลือกระหว่างตัวเลือกในเมนูอาหารกลางวัน
•ราคารวมอาหารกลางวันสำหรับ 2 ท่านรวมถึงน้ำไวน์และกาแฟ: € 340
•ไวน์: ห้าไวน์ที่แตกต่างกันรวมถึงแชมเปญเพื่อเริ่มต้นรวมอยู่ในเมนูฤดูใบไม้ร่วงของเรา (รวมถึงน้ำและกาแฟ)
จุดเด่น: อาหารชั้นสูงของฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม/ไม่มีตัวเลือกระหว่างตัวเลือกในเมนูอาหารกลางวัน/บริการที่เป็นทางการ/การตกแต่งภายในที่เรียบง่ายทันสมัย/การจับคู่ไวน์/ราคาโดยรวมไม่แพงนัก
สถานที่ตั้งและรายละเอียด
Monnaie de Paris Museum, 11 Quai de Conti
• 6th Arrondissement
• Website…
5. L’Ambroisie ลัมโบรสซี
Chef Bernard Pacaudหนึ่งในพ่อครัวที่สุขุมที่สุดของชุด Michelin ดำเนินการร้านอาหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในปารีส บางคนอาจโต้แย้งว่าเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุด ทันทีที่คุณมาถึงภายใต้ร้านที่สวยงามของสถานที่ในศตวรรษที่ 17 คุณจะได้สัมผัสกับความสง่างามของการตกแต่งภายในที่ได้รับอิทธิพลจากเวียนนา
มีสองสิ่งที่ไม่ซ้ำกันเกี่ยวกับ l’Ambrosie ประการแรกเป็นร้านอาหารระดับสามดาวที่ดำเนินกิจการมายาวนานที่สุดของปารีสโดยถือดาวตั้งแต่ปี 1988 อันดับที่สองเป็นร้านอาหารตามสั่งเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีเมนูรสชาติ (Tasting Menu)ราคาปานกลาง
พ่อครัวและเจ้าของ Bernard Pacaud ตอนนี้อายุมากกว่า 70 ปีและดำเนินกิจการร้านอาหารกับดาเนียลภรรยาของเขากับมาติเยอลูกชายของพวกเขา พวกเขาเปิด l ‘Ambroisieในปี 1981 (ปีลูกชายของพวกเขาเกิด) บนฝั่งซ้าย ในปี 1986 พวกเขาย้ายไปยังตำแหน่งปัจจุบันบน Place des Vosges
ร้านนี้ต้อนรับแขกระดับไหนนั้นเราคงไม่ต้องพูดถึง
Meg บอกว่าแม้ว่าฉันจะไม่สามารถกลับมาบ่อยๆ(เพราะราคาของที่นี่)ได้ ฉันก็มีความสุขมากที่ L’Ambroisie มีอยู่ ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนกำลังเปลี่ยนโฟกัสไปที่ส่วนผสมที่เรียบง่ายกว่านี้เพื่อทำราคาให้ถูกลง แต่ Bernard Pacaud ก็ยังใช้ส่วนประกอบที่เป็นคาเวียร์อยู่ ยังคงเป็นต้นแบบของการหัวสูงของชนชั้นสูงได้อย่างสมบรูณ์แบบ ประเภทอาหารโดยเฉพาะอาหารแบบโอลคลาสสิกนี่ก็ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้ในฝรั่งเศส แต่ก็อย่างที่เรารู้กันว่าอาหารตามสั่งที่นี่มีราคาแพงอย่างสุดๆ
L’Ambroisie: porton
L’Ambroisie: sea bass, artichoke, caviar
L’Ambroisie: lobster, garlic,
การบริการและประสบการณ์: ห้องรับประทานอาหารที่นี่มีความสวยงามระดับขุนนางในย่านที่พำนักของชนชั้นสูงในถิ่นเดส์โวสเกส/ การบริการอาจไม่เป็นประชาธิปไตยนัก/ในทำนองเดียวกัน ซอมเมลิเออร์ของเราทำให้ไวน์อุ่นไปหน่อยตอนปลายมื้อ
•ราคาของเมนูอาหารกลางวัน: อาหารตามสั่งทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ราคาเฉลี่ยการสั่งซื้อสามคอร์สต่อคนคือ 320 ยูโร
•ทางเลือกระหว่างห้า starters สิบหลักสูตรหลัก (main course)และสี่ของหวาน
•ไวน์: การจับคู่แบบเป็นแก้วไม่ค่อยมีตัวเลือกหาก คุณต้องการสั่งซื้อขวดที่นี่ ซอมเมอลิเย่ร์ได้แนะนำ 2011 PouillyFuisséSécret Mineral 2011 จาก Denis Jeandeauในราคา€ 130
•ราคารวมอาหารกลางวันสำหรับ 2 ท่านรวมถึงน้ำไวน์และกาแฟ: € 795
จุดเด่น: อาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมชั้นสูงมีให้เลือกระหว่างตัวเลือกอาหารตามสั่ง แต่ไม่มีเมนูอาหารกลางวัน/บริการอย่างเป็นทางการ/การตกแต่งภายในที่หรูหราคลาสสิก/ราคาแพงอย่างมาก
สถานที่ตั้งและรายละเอียดเพิ่มเติม
9 Place des Vosges
• 4th Arrondissement
• Website…
(credit: Parisbymouth.com & parisinsidersguide.com)
โปรดติดตามเรื่องราวของอีก 5 ร้านที่เหลือในตอนหน้านะครับ