สัญญาณโรคเบาหวานที่รู้ได้ในผู้หญิงเท่านั้น
September 13th, 2019
“เบาหวาน” เป็นโรคที่เป็นกันได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ถึงแม้โรคนี้จะไม่ติดต่อ แต่ก็เป็นโรคเรื้อรังที่อันตรายไม่น้อย เพราะมันทำให้เกิดโรคร้ายอื่นๆ ตามมารวมทั้งความเสียหายของอวัยวะสำคัญต่างๆ ในอนาคตด้วยยิ่งผู้หญิงมีวัยเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้กันได้มากขึ้นเท่านั้น และก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายสำหรับผู้หญิงเราที่เราจะได้รับสัญญาณของอาการเริ่มต้นโรคเบาหวานโดยที่ผู้ชายจะไม่มีสัญญาณเตือนเหล่านี้
รู้จัก “เบาหวาน”
ทำไมถึงเป็นโรคเบาหวาน…เพราะบริโภคของหวานมากเกินไปใช่ไหม เรามักได้ยินคำถามหรือความเชื่อนี้บ่อยๆ ดังนั้น ก่อนจะมาคุยเรื่องสัญญาณเตือน เรามารู้เรื่องจริงๆของการเกิดโรคนี้กันก่อนค่ะอย่างที่รู้กันว่า ร่างกายของเราจะได้รับพลังงานจากอาหารที่เราบริโภคเข้าไป ทำให้มีเรี่ยวแรงได้ตลอดวันทีนี้เมื่อพูดถึงอวัยวะภายในร่างกายของเรา ก็จะมีอวัยวะหนึ่งที่เรียกว่า“ตับอ่อน” เป็นอวัยวะรูปร่างแบนๆยาวๆตั้งอยู่ในบริเวณช่องท้อง ด้านหลังของกระเพาะอาหาร ตับอ่อนจะทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ใช้ในการเปลี่ยนกลูโคสจากอาหารมาเป็นพลังงานให้ร่างกายทีนี้ถ้ากระบวนการผลิตอินซูลินของตับอ่อนถูกรบกวน หรือถ้าเซลล์ของร่างกายไม่สามารถตอบรับอินซูลินได้ตามที่ร่างกายต้องการในยามปกติกลูโคสจากอาหาร ก็จะไม่สามารถถูกส่งผ่านทางกระแสเลือดเข้ามาสู่เซลล์ของร่างกายได้ผลก็คือ ทำให้กลูโคสในเลือดมีระดับสูงในขณะเดียวกันเซลล์ต่างๆของร่างกายก็จะไม่ได้รับพลังงานที่เพียงพอเซลล์ก็จะสูญเสียความสามารถในการทำงาน ซึ่งทางการแพทย์จะเรียกภาวะนี้ว่าโรคเบาหวาน (diabetes) ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นนี้มันก็จะเป็นอันตรายอย่างมากต่อร่างกาย เพราะมันจะไปทำความเสียหายต่อเส้นประสาทและเส้นเลือดทั้งยังนำไปสู่ความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ,ภาวะไตล้มเหลว, ปัญหาของนัยน์ตาและความเสียหายของเท้าฯลฯ
โรคเบาหวานจะจำแนกออกเป็นสองประเภทด้วยกันคือเบาหวานประเภทที่ 1 ( Type 1 diabetes) เกิดจากความผิดปกติของร่างกายตั้งแต่กำเนิดที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้มีการทำลายเซลล์ของตับอ่อนของตัวเองกับอีกประเภทคือโรคเบาหวานชนิดที่ 2( Type 2 diabetes)เกิดจากเซลล์ของร่างกายมีภาวะการดื้อต่ออินซูลิน หรือ insulin resistance ซึ่งชนิดนี้แหละค่ะที่เรามักเป็นกันมาก โดยในระยะแรกๆของการเกิดโรคนี้ก็คือตับอ่อนจะเริ่มต้นผลิตอินซูลินในปริมาณที่มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อที่จะเอาชนะภาวะดื้ออินซูลินที่เกิดขึ้นของร่างกายและก็เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของร่างกายที่ต้องการอินซูลินเพิ่มขึ้นด้วยทีนี้พอเป็นแบบนี้ไปนานๆเข้าตับอ่อนก็เริ่มอ่อนแอและไม่สามารถผลิตอินซูลินในปริมาณที่เหมาะสม
ยิ่งเราอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นต่อการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 เพราะการมีเนื้อเยื่อไขมันมากๆ จะไปซ้ำเติมภาวะการดื้ออินซูลินนี้ได้เพราะฉะนั้น ต้องระวังอย่าตามใจปากเกินไปในเรื่องการบริโภคนะคะ นอกจากนี้ ก็ยังพบว่า ยีนหรือกรรมพันธุ์ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวานทั้งสองชนิดนี้ได้เช่นกัน ถ้าใครมีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ ก็ควรต้องระวังตัวไว้ป็นพิเศษด้วย
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคเบาหวานประเภทไหน
อย่างไรก็ตาม โรคเบาหวานประเภทที่ 1 มักเกิดในคนที่มีอายุน้อยๆหรือในเด็กในขณะที่โรคเบาหวานประเภท 2 มักจะเกิดขึ้นกับคนสูงวัยหรือเมื่อเรามีอายุเพิ่มมากขึ้น ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ได้ โดยอาการของโรคเบาหวานโดยทั่วไปที่เราควรสังเกตตัวเองให้ดีๆ ได้แก่ความรู้สึกกระหายน้ำเพิ่มขึ้น, ปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้น, น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ได้ตั้งใจจะลดน้ำหนัก ซึ่งจะเกิดร่วมกับความรู้สึกหิวบ่อยและบริโภคมากขึ้นแต่น้ำหนักตัวกลับลดลง,คลื่นไส้อาเจียน, เหนื่อยมากผิดปกติ, มองเห็นภาพเบลอที่สำคัญคือเนื้อเยื่อต่างๆจะใช้รักษาตัวเองนานกว่าปกติเมื่อเกิดปัญหาใดๆหรือเกิดบาดแผล ซึ่งใครรู้สึกว่ากำลังมีอาการเหล่านี้อยู่ ก็ควรไปพบแพทย์อย่ารอช้า
อาการโรคเบาหวานที่เกิดเฉพาะกับผู้หญิงเท่านั้น
คราวนี้ก็จะมาเล่าถึงอาการบางอย่างของโรคเบาหวาน ที่มันจะมีการระบุว่าจะเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้หญิงเท่านั้น เนื่องจากสภาวะฮอร์โมนและจิตใจของผู้หญิงที่แตกต่างจากผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงได้รับสัญญาณเตือนของโรคเบาหวานที่ผู้ชายจะไม่ได้รับได้แก่
1. มีการติดเชื้อราเกิดขึ้นบ่อยๆและซ้ำๆ: การที่เรามีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นก็จะไปสนับสนุนการเติบโตของเชื้อราแคนดิดาและผลคือการคันเรื้อรังในช่องคลอด, การมีแผลในช่องปากบ่อยๆ, การมีของเหลวข้นๆหลั่งจากช่องคลอด,รวมทั้งการเกิดความเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
2. ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic ovary syndrome): สภาวะร่างกายดื้ออินซูลินจะไปกระตุ้นมดลูกและต่อมอะดรีนัลให้ผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายให้สูงขึ้นกว่าปกตินำไปสู่การลดลงของการตกไข่, พัฒนาการของถุงน้ำในรังไข่, สภาวะมีบุตรยาก, การเกิดขนในบริเวณที่ไม่ต้องการเช่นริมฝีปากหรือที่ต่างๆ,การเกิดสิวเรื้อรังในหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นใครเป็นสิวนานๆหรือมีจู่ๆก็เกิดมีขนดกขึ้นมา ก็ต้องนึกถึงเรื่องนี้ไว้บ้าง
3. ความบกพร่องของสมรรถภาพทางเพศ (Sexual dysfunction): ความเสียหายของเส้นประสาทและการลดลงของเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นโรคเบาหวานทำให้เกิดความแห้งของช่องคลอด นำไปสู่ความเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ความต้องการทางเพศลดลงด้วย
4. การติดเชื้อในท่อปัสสาวะ: โดยสภาพสรีระของผู้หญิงเราก็จะมีแนวโน้มการเกิดโรคติดเชื้อของท่อปัสสาวะได้ง่ายกว่าผู้ชายอยู่แล้วซึ่งผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวานก็จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นไปอีกทำให้รู้สึกเจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ รวมทั้งอาการแสบร้อน, คันหรือสีปัสสาวะมีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งหมดนี้คืออาการของโรคเบาหวานในช่วงเริ่มต้น ที่เกิดขึ้นเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ใครรู้สึกตัวว่ากำลังอยู่ในความเสี่ยง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาให้ถูกต้องโดยเร็ว เพราะโรคนี้อันตราย ถ้าทิ้งไว้นานๆก็จะทำให้เกิดปัญหาถึงขั้นสูญเสียอวัยวะได้ รีบจัดการปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นกันดีกว่า โรคร้ายจะได้หายและมีสุขภาพดีกันทุกคน