รับมือเชื้อราหน้าฝนที่โจมตีสุขภาพ
July 12th, 2019
หน้าฝนที่ท้องฟ้ามืดครึ้มและอากาศเฉอะแฉะแทบทุกวัน นอกจากเราจะต้องสู้กับไข้หวัดต่างๆแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเจอก็คือการเจริญเติบโตของเชื้อราที่โจมตีสุขภาพของร่างกาย ไม่ใช่แค่ที่ผิวหนังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเพิ่มจำนวนขึ้นของเชื้อราอวัยวะภายในร่างกายอีกด้วย เพราะเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจะเติบโตได้ดีจากความชื้นของสภาพอากาศ
ในร่างกายของเรานั้นมีเชื้อราและแบคทีเรียอาศัยอยู่ แต่ที่มันไม่ได้โจมตีสุขภาพของเราก็เพราะส่วนใหญ่มันเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ดีและอยู่ในปริมาณที่สมดุล แต่ถ้าร่างกายสูญเสียสมดุลนี้ไป มันก็จะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน
“แคนดิดา” (Candida) เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในลำไส้และร่างกายของเราข้อดีของมันคือช่วยในระบบย่อยอาหาร แต่หากมันไม่อยู่ในสมดุลก็จะเกิดผลเสียได้มากมายเช่นอารมณ์แปรปรวน, หรืออาการ “ ลำไส้รั่ว” (leaky gut) การขาดสมดุลของเชื้อราแคนดิดาเกิดขึ้นได้หากเราบริโภคน้ำตาลมากเกินไป หรือดื่มแอลกอฮอล์หรือบริโภคยาปฏิชีวนะต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆ
จะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายมีเชื้อรามากเกินไป อาการที่บอกปัญหาคือสิ่งเหล่านี้:
1. การติดเชื้อราของร่างกายที่เห็นได้ภายนอก:ถ้าเล็บหรือเล็บหัวแม่เท้าของคุณเริ่มจะมีสีเหลืองๆและดูหนาตัวกว่าเดิมแล้วละก็ นั่นคืออาการติดเชื้อรากำลังเกิดขึ้นซึ่งอาจนำไปสู่โรคฮ่องกงฟุตซึ่งเป็นสัญญาณว่าเชื้อราแคนดิดามีจำนวนมากเกินไป
2. ปัญหาระบบย่อยอาหาร:เพราะแคนดิดาอาศัยอยู่ในระบบการย่อย ดังนั้น ถ้าคุณกำลังมีปัญหาของระบบการย่อย เช่นท้องอืดเป็นประจำ, ท้องผูกหรือท้องร่วง อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสามอย่าง มันอาจแปลว่ากำลังมีปัญหาการขาดสมดุลของแคนดิดาในร่างกาย
3. ปัญหาผิวหนัง:ถ้าผิวหนังมีรอยหรือมีอาการผิดปกติ เช่นมีผื่น หรือมีอาการคันที่ไม่หายไปง่ายๆ ฯลฯ ก็ควรจะไปตรวจกับแพทย์ผิวหนังให้รู้สาเหตุแท้จริง ถ้ามันมีอาการผื่นแดงเกิดขึ้น ก็อาจหมายถึงปัญหาของสมดุลแคนดิดา ที่ทำให้เกิดโรคลมพิษหรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
4. ปัญหาระบบปัสสาวะ:เมื่อเชื้อราแคนดิดาเจริญเติบโตมีจำนวนมากเกินไปในร่างกายก็จะส่งผลต่อระบบปัสสาวะ เพราะมันจะทำให้เกิดการติดเชื้อในท่อปัสสาวะ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือแสบร้อนเมื่อปัสสาวะ รวมทั้งอาการคันเรื้อรังของช่องคลอด
5. คันในช่องหูหรือโรคภูมิแพ้:หากคุณรู้สึกคันในช่องหูหรือคันนัยน์ตาอย่างมากแล้วละก็ มันอาจเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นจากเชื้อราแคนดิดามีปริมาณมากเกินไปก็ได้ และอาการนี้ก็จะเพิ่มระดับหรือหลากหลายขึ้นหากไม่ได้รักษาให้ถูกต้อง
6. อารมณ์แปรปรวน:เมื่อร่างกายขาดสมดุลที่ดีของแบคทีเรียในร่างกาย มันก็จะไปทำความเครียดให้กับสภาวะของจิตใจด้วยทำให้รู้สึกว่าถูกรบกวนให้รำคาญจากสิ่งรอบตัว นอกจากนี้ คุณอาจมีอาการเริ่มต้นของท้องอืด อาหารไม่ย่อยรวมทั้งอาการอยากบริโภคแป้งและของหวานเพิ่มขึ้นเนื่องจากอาหารเหล่านี้คือของโปรดของเชื้อรา
วิธีแก้ปัญหา นำสมดุลของร่างกายกลับคืนมาด้วยวิธีต่อไปนี้:
1. อย่าบริโภคคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป:เชื้อราแคนดิดาจะใช้น้ำตาลจากอาหารกลุ่มนี้เพื่อการเจริญเติบโต ดังนั้นขั้นแรกที่ต้องทำคือลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตรวมทั้งขนมปังที่เป็นอาหารที่ทำมาจากยีสต์ก็ควรงดด้วยวิธีนี้จะช่วยควบคุมปริมาณเชื้อราในร่างกายไม่ให้เพิ่มจำนวน
2. หยุดบริโภคน้ำตาล:ยีสต์และเชื้อราจะชอบน้ำตาล ยิ่งถ้ามีเชื้อราเพิ่มมากขึ้นในร่างกายเท่าไหร่ ก็จะส่งผลให้คุณอยากบริโภคของหวานๆเพิ่มขึ้นเท่านั้น หยุดการบริโภคน้ำตาลและให้บริโภคผลไม้และผักสดแทน โดยเลือกผลไม้ที่ไม่หวานมาก ซึ่งดีกว่าการบริโภคขนมหวานโดยตรง
3. เพิ่มการบริโภคกรดคาไพรลิก(Caprylic Acid):กรดคาไพรลิก (Caprylic acids) เป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่พบมากในน้ำมันมะพร้าว กรดนี้จะช่วยฆ่าเชื้อรา ช่วยป้องกันอาการลำไส้แปรปรวน ทั้งช่วยรักษาอาการติดเชื้อราของผิวหนัง, และช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว อีกชื่อหนึ่งของมันก็คือ octanoic acid พบในผลิตภัณฑ์จากนม น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าวถั่วแมคคาเดเมีย ซึ่งโดสของการบริโภคกรดนี้สำหรับผู้มีอาการเชื้อราคือ 1,000 – 2,000 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยให้แบ่งการบริโภคเป็น 3 ครั้งต่อวันก่อนมื้ออาหาร 30 นาทีเป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด แต่การบริโภคกรดนี้อาจมีอาการข้างเคียงเช่น คลื่นไส้, อาหารไม่ย่อย, ท้องน่วง, ฮาร์ทเบิร์น เนื่องจากมันไปเพิ่มปริมาณกรดไขมันในร่างกาย และไม่แนะมำให้บริโภคสำหรับผู้ที่เป็นโรคตับ เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักมากขึ้นในการขับของเสีย
4. อย่าดื่มแอลกอฮอล์:แอลกอฮอล์เต็มไปด้วยน้ำตาล, ยีสต์,และคาร์โบไฮเดรตซึ่งทุกอย่างคือสวรรค์ของเชื้อรา ควรดื่มน้ำสะอาดเพื่อให้ร่างกายชะล้างมลพิษออกมา
5. ไปพบแพทย์:ถ้าคุณรู้สึกถูกรบกวนจากเชื้อราอย่างมากจนรับมือไม่ได้ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อให้รักษาอย่างถูกวิธี แพทย์จะทำการตรวจอุจจาระหรือตรวจเลือด ซึ่งจะบอกได้ว่ามีเชื้อราในร่างกายเท่าไหร่หรือเป็นเชื้อราชนิดใด และทำการรักษาได้ถูกต้อง
สิ่งหนึ่งของการดูแลสุขภาพที่ดี ก็คือควรต้องให้สอดคล้องกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมของเราด้วย อย่าทำอะไรที่จะทำให้สมดุลของร่างกายต้องเสียไป แล้วคุณก็จะมีสุขภาพที่ดีในทุกๆฤดูกาลค่ะ