เคล็ดลับสุขภาพดีหน้าหนาว
December 21st, 2018
ฤดูหนาว..เป็นช่วงที่กลางคืนจะยาวกว่ากลางวัน ทั้งอากาศในฤดูหนาวก็จะแห้งกว่าฤดูร้อนเนื่องจากความชื้นในอากาศลดลง และสิ่งนี้เองที่ทำให้เราเจ็บป่วย เพราะเชื้อไวรัสจะเจริญเติบโตในฤดูนี้ง่ายกว่าฤดูอื่นๆ สำหรับในบ้านเราในต่างจังหวัดหลายแห่ง ก็จะมีอุณหภูมิลดลงทำให้พบกับความหนาวเย็น มาเรียนรู้เคล็ดลับดูแลสุขภาพที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพดีในช่วงหนาวนี้
1. ทำตัวให้กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ: หากคุณเดินทางไปในที่ๆมีอากาศหนาว แม้ความหนาวเย็นของอากาศจะทำให้คุณไม่อยากขยับไปไหนก็ตาม แต่การทำตัวกระฉับกระเฉงตลอดเวลา จะช่วยควบคุมการทำงานของเมลาโทนินในร่างกายให้สมดุล ให้พยายามอยู่ในที่มีแสงสว่างอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งๆละ 25 นาทีและหาเวลาออกกำลังกายเช่นการเต้นแอโรบิก เพื่อให้คุณไม่มีปัญหาอาการอารมณ์หดหู่ในฤดูหนาวหรือ SAD Seasonal Affective Disorder ที่คนส่วนใหญ่มักเป็นเวลาเดินทางไปต่างประเทศที่มีอากาศมืดครึ้ม
2. หาวลาพักผ่อนในแสงแดดอ่อนๆ: แสงแดดคือแหล่งพลังงานสำคัญในการสร้างวิตามินดีให้กับร่างกาย การสัมผัสแสงแดดอ่อนๆยามเช้า จะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้มีอารมณ์ดี หาเวลาในฤดูหนาวไปเที่ยวพักผ่อนสถานที่สวยๆและธรรมชาติงดงาม ที่ให้คุณได้พักผ่อนร่างกายและจิตใจ
3. บริโภคโปรตีนให้มากขึ้น: โปรตีนจากเนื้อสัตว์เช่นเนื้อไก่ลอกหนัง ไก่งวง และปลาแซลมอนถั่วและธัญพืชต่างๆ จะช่วยให้ร่างกายผลิตสารทริปโตฟาน (Tryptophan)ให้พยายามเพิ่มการบริโภคอาหารเหล่านี้แทนมันฝรั่งและพาสต้า ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงและตกลงฉับพลัน ทำให้เกิดปัญหาของอารมณ์และสุขภาพตามมา
4. เพิ่มปริมาณแบคทีเรียที่ดีในลำไส้: กว่า 90% ของสารเซโรโทนินจะถูกผลิตขึ้นในส่วนของลำไส้ที่มีกรดอะมิโนทริปโตฟานอยู่ในนั้น การเพิ่มแบคทีเรียที่ดีนี้จะช่วยให้ลำไส้มีสุขภาพดียิ่งขึ้นในฤดูหนาว และมีประสิทธิภาพผลิตกรดอะมิโนดังกล่าวได้ดีขึ้นด้วย วิธีง่ายๆก็คือการบริโภคอาหารโปรไบโอติกเช่นโยเกิร์ต ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายมีพัฒนาการที่ดีด้านอารมณ์
5. ให้ความสำคัญกับสมอง: สารเซโรโทนินจะถูกขนส่งไปยังเซลล์ระบบประสาทส่วนต่างๆของร่างกายโดยโปรตีนที่มีชื่อว่า SERTซึ่งจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์คพบว่าคนที่มีสภาวะอารมณ์ที่ดีในฤดูหนาว จะมีระดับของโปรตีนนี้สูงกว่าในคนที่มีสภาวะหดหู่จากสภาพอากาศ
6. ดูแลปอดให้แข็งแรง: เพราะฤดูหนาวเป็นช่วงที่อากาศเย็นและเชื้อไวรัสเติบโตได้ดี การดูแลสุขภาพปอดจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณพ้นจากโรคระบบทางเดินหายใจได้ ควรหาเวลาไปเดินเล่นในที่ๆมีอากาศบริสุทธิ์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ระหว่างเดินให้โฟกัสที่การหายใจลึกๆเพื่อให้ปอดได้มีโอกาสขยายและทำงานได้เต็มที่ หายใจเข้าทางจมูกช้าๆให้รู้สึกถึงลมหายใจที่เข้าไปข้างในส่วนท้อง จากนั้นหายใจออกช้าๆผ่านริมฝีปากจนรู้สึกว่าลมออกมาจนหมด
7. ปรับพฤติกรรมบริโภค: ในช่วงฤดูหนาว ร่างกายมักมีปัญหาของระบบการย่อย เนื่องจากการปรับตัวให้เหมาะกับสภาพอากาศดังนั้น จึงควรปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารของคุณ ด้ววยการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดขึ้น และบริโภคมื้อกลางวันเป็นมื้อใหญ่ มื้อเย็นให้น้อยลงหรือเปลี่ยนเมนูให้ย่อยง่ายขึ้น เพื่อช่วยให้นอนหลับได้สนิทขึ้น ระวังการบริโภคผลไม้รสหวานจัดและไม่ควรบริโภคผลไม้ทันทีขณะที่กระเพาะของคุณเต็มไปด้วยอาหารโปรตีนและไขมันเพราะร่างกายจะไม่สามารถย่อยผลไม้นั้นได้ง่ายๆ ทำให้เกิดแกสในกระเพาะอาหารและท้องอืด ให้เปลี่ยนมาบริโภคผลไม้ในมื้อเช้าขณะท้องว่าง หรือตอนบ่าย 3 โมงเมื่อร่างกายได้ย่อยอาหารกลางวันแล้ว จะสอดคล้องกับระบบการย่อยมากกว่า
8. เพิ่มเครื่องเทศในมื้ออาหาร: ขิง เป็นพืชสมุนไพรที่ช่วยระบบการย่อยและแก้อาการท้องอืด, พริกช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึมของร่างกายเผาผลาญอาหารได้เร็วขึ้น, ซินนามอนหรืออบเชย มีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับสูงและช่วยเผาผลาญไขมันที่เก็บกักไว้บรืเวณหน้าท้องได้ดี, ขมิ้น ช่วยการทำงานของข้อต่อ ลดอาการอักเสบติดเชื้อของข้อต่อที่ทำให้เกิดอาการปวดบวม อย่าลืมบริโภคพืชสมุนไพรเหล่านี้เพื่อช่วยยกระดับสุขภาพที่ดีในช่วงหน้าหนาว
9. เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผมและผิว: หากสภาพอากาศที่แห้งจากความชื้นที่ลดลงทำให้ผิวและหนังศีรษะของคุณแห้งกว่าปกติ ซึ่งจะสังเกตได้จากมีอาการแห้งและคัน ให้เปลี่ยนแชมพูและคลีนเซอร์เป็นสูตรที่อ่อนโยนลง จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลและสารแอนตี้แบคทีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่จะทำให้ผิวแห้ง หากคุณเป็นสิวและจะเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อขัดลอกเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ก็ให้เปลี่ยนจากชนิดที่มีส่วนผสมของเอเอชเอ (AHA) มาเป็นบีเอชเอ (BHA) ที่อ่อนโยนกว่า แต่หากยังรู้สึกว่ามีอาการแห้งและคันอยู่ ก็ให้เพิ่มการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มน้ำมันปลาหรือวิตามินอีในมื้ออาหารเพื่อช่วยให้ผิวหนังมีน้ำมันหล่อเลี้ยงมากขึ้น
10. ดื่มกาแฟเฉพาะตอนเช้า: หากคุณดื่มกาแฟเป็นประจำและรู้สึกว่านอนหลับยากขึ้นในฤดูหนาว นั่นเป็นเพราะร่างกายของคุณสามารถเผาผลาญคาเฟอีนได้ช้ากว่าปกติ คาเฟอีนจึงยังค้างอยู่ในกระแสเลือดและรบกวนระบบการนอนหลับ ซึ่งโดยปกติในร่างกายของเราจะผลิตสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าอะดีโนซีน ( adenosine) เป็นสารที่ทำให้นอนหลับคาเฟอีนจะไปปิดกั้นตัวรับอะดีโนซีนหรือ adenosine receptors ในเซลล์ร่างกาย และ “หลอก”ร่างกายว่ามันเหนื่อยล้าน้อยกว่าที่เป็นจริง รวมทั้งไปยืดเวลาที่ร่างกายควรจะส่งสัญญาณว่าคุณควรนอนหลับพักผ่อนให้ช้าลงดังนั้น หากคุณอยากนอนหลับดีขึ้น ให้เลี่ยงการดื่มกาแฟหลังเที่ยงและระวังกาแฟปลอดคาเฟอีนบางแบรนด์ที่ยังมีคาเฟอีนเหลืออยู่เคล็ดลับหนึ่งที่ช่วยได้ก็คือ หลังดื่มกาแฟให้ดื่มน้ำอัดแกสหรือ sparkling waterตามทุกครั้ง เครื่องดื่มที่แนะนำว่าเหมาะสมกับคุณช่วงก่อนนอนคือชาคาโมมายล์
ทั้งหมดเป็นเคล็ดลับรับลมหนาวอย่างสุขภาพดีที่รวบรวมมาฝากกันและในโลกแห่งการเดินทางไร้พรมแดน มันก็เป็นไปได้ที่เราจะต้องพบกับความหนาวเย็นของหิมะหรืออากาศเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ การเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์จะทำให้เราผ่านหน้าหนาวนี้ไปได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะอยู่ที่ส่วนใดของมุมโลกค่ะ