“กิน..ให้ผอม” รู้จักสารอาหารช่วยลดพุง
March 2nd, 2018
ช่วงนี้เห็นเอวบางๆของแม่นางการะเกดในบุพเพสันนิวาสทีไร ก็อดอิจฉาไม่ได้เลยนะออเจ้า อยากไล่ไขมันออกไปจากพุงกลมๆ–ของเรา ก็ต้องเข้าใจเรื่องสารอาหารช่วยเผาผลาญไขมัน จัดให้ในเรื่องนี้เลยค่ะ
1. เผาผลาญไขมันด้วยแคลเซียม ไพรูเวท (Calcium pyruvate): สารนี้มีบทบาทเติมพลังงานให้กับเซลล์ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยพิทสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีบริโภคจำกัดแคลอรี่ หากได้รับสารอาหารนี้ จะลดไขมันลงได้มากกว่าถึง 48% เนื่องจากมันทำให้เซลล์ไขมันถูกเผาผลาญได้มีประสิทธิภาพกว่า สารนี้พบได้ในแอปเปิ้ลแดง, องุ่นแดง, ไวน์แดงและชีส และถ้าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็แนะนำในปริมาณบริโภค 1,000 มิลลิกรัมขณะท้องว่างก่อนมื้อเช้าและเย็น
2. ขับแกสในท้องด้วยเมล็ดยี่หร่า: ท้องอืดก็ทำให้มีพุงได้ เมล็ดยี่หร่าจะช่วยลดแกสเพราะมันมีกรดคุณสมบัติยาขับลมในท้อง ช่วยสนับสนุนแบคทีเรียชนิดดีย่อยสลายอาหาร และขัดขวางการเติบโตของแบคทีเรียชนิดเลวอีกด้วย
3. ดูแลสมดุลอินซูลินด้วยอบเชย: สารออกฤทธิ์ชื่อ “เมทิลไฮดรอกซี ชาลโคน โพลีเมอร์” (methylhydroxy chalcone polymer) หรือ MHCP ในอบเชย จะช่วยให้เซลล์ไขมันตอบรับอินซูลินได้ดีขึ้น ร่างกายจึงขนส่งน้ำตาลไปสู่เซลล์และแปรสภาพเป็นพลังงานได้มากขึ้น ทำให้อินซูลินในกระแสเลือดลดต่ำลง การมีอินซูลินสูงจะทำให้ร่างกายสะสมไขมันเอาไว้มาก การบริโภคอบเชย จึงช่วยรักษาระดับอินซูลินและแก้ปัญหาไขมันหน้าท้อง
4. ชาเขียวช่วยเผาผลาญไขมัน: สารประกอบโพลีฟีนอลหลักในชาเขียวชื่อว่า “ เอพิแกลโลคาเทชิน แกลเลท” (epigallocatechin gallate) หรือ EGCG ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น จึงใช้พลังงานเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้น ชานี้ยังอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการติดเชื้อซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดไขมันหน้าท้อง ควรเลือกชาเขียวใบต้มสดจะดีกว่าชนิดผงและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
5. ฟูโคแซนทิน (Fucoxanthin) สารแคโรทีนอยด์ในสาหร่ายทะเลสีน้ำตาลช่วยลดน้ำหนัก : นักวิทยาศาสตร์ได้ให้สารนี้กับหนูทดลองที่เป็นโรคอ้วนและพบว่า มันสามารถลดน้ำหนักลงได้ 5 -10% ซึ่งสารนี้อาจช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในช่องท้อง สาหร่ายนี้จะมีขายในร้านสุขภาพของญี่ปุ่นโดยเฉพาะภายใต้ชื่อว่าวากาเมะ (wakame) และ ฮิจิกิ (hijiki)
6. โอเมก้า-3 (Omega-3) ลดไขมันหน้าท้อง: สารนี้ช่วยเก็บกวาดฮอร์โมนคอร์ติซอลและอดรีนาลีนที่พุ่งสูงขึ้น ป้องกันร่างกายเสียหายและการสะสมไขมันที่เกิดจากความเหนื่อยเรื้อรัง พบสารอาหารนี้ในปลาทะเลที่อุดมด้วยไขมันเช่นแซลมอน และในพืชบางชนิดเช่น เมล็ดเจีย (chia seed),เมล็ดแฟล็กซ์ (flaxseed) รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอเมก้า-3 ก็ช่วยได้
7. เคอร์เซทิน (Quercetin) พัฒนาภูมิต้านทาน: สารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยต่อสู้ไขมันหน้าท้องได้ดี โดยมันจะไปทำให้เซลล์ไขมันที่เพิ่งก่อตัวหยุดการเจริญเติบโต จึงยับยั้งอัตราการเกิดใหม่ของเซลล์ไขมันได้ดีกว่าสารฟลาโวนอยด์ชนิดอื่นๆ สารนี้มีมากในแอปเปิ้ล,หอมแดง,ชาเขียว, องุ่นแดง, มะเขือเทศ,บร็อคโคลี,เชอรี่, ราสพ์เบอร์รี่,และผักใบสีเขียวเข้ม ซึ่งการรับสารนี้จากอาหารจะให้ผลดีกว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
8. เรสเวราทรอล (resveratrol) ฟื้นฟูเมตาบอลิซึ่มให้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น: สารนี้ยังช่วยควบคุมสมดุลของเอสโตรเจน ซึ่งการมีเอสโตรเจนสูงจะทำให้ร่างกายเพิ่มการสะสมไขมัน เราพบสารนี้ได้ในองุ่นแดง, ไวน์แดง, ถั่วลิสง,และดาร์กชอกโกแล็ต
9. วิตามินซี ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจากความเหนื่อยล้า: การเพิ่มของคอร์ติซอลจะทำให้เกิดการสะสมไขมันหน้าท้อง วิธีคือให้บริโภคอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซีอย่างน้อยสองอย่างในแต่ละวัน ได้แก่ส้ม, กีวีและพริกหวานสีเขียว ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็ให้บริโภควันละ 500 มิลลิกรัมและเลือกสูตร time – released formula
10. น้ำช่วยลดไขมันหน้าท้อง: แค่ดื่มน้ำสะอาดประมาณ 17 ออนซ์ เราก็จะมีการเพิ่มขึ้นของอัตราเมตาบอลิซึ่มประมาณ 30% ปริมาณของเหลวที่เพิ่มขึ้นนี้จะสนับสนุนการย่อยสลายของไขมัน ซึ่งสิ่งควรรู้คือ การขาดน้ำสามารถไปลดระดับเมตาบอลิซึ่มของเราได้ จึงแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 64 ออนซ์ต่อวัน
ทั้งหมดคือสารอาหารที่นอกจากช่วยให้พุงหายไปแล้ว ก็ยังช่วยให้เรามีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้นด้วย “ กินอย่างไรให้ผอม” คำตอบก็คือ “ กินอย่างมีสติและเข้าใจทั้งเรื่องของคุณภาพและปริมาณ” ถ้าทำได้แบบนี้ การ “กิน” ก็จะเป็นเรื่องดีต่อสุขภาพของทุกคน ยิ่งถ้าออกกำลังกายสม่ำเสมอ เอวบางๆก็จะเป็นของสาวๆออเจ้าทุกคนแน่นอนค่ะ