ระวังอาหารเหล่านี้…ที่ทำร้ายระบบเมตาบอลิซึ่มของคุณ
January 15th, 2018
เวลาไปซื้ออาหารในซูเปอร์มาร์เก็ต แน่นอนที่เราจะเลือกแต่สิ่งดีๆต่อสุขภาพ แต่อาหารบางชนิดที่เราเชื่อว่าดีต่อสุขภาพนั้น นอกจากจะไม่ให้ประโยชน์แล้ว ยังมีผลเสียต่อระบบเผาผลาญอาหารของเราเสียอีก มาดูแลตัวเองด้วยการเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป 6 ชนิดนี้ ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบเผาผลาญอาหารและระบบการย่อย
1. น้ำผลไม้พร้อมดื่ม: มักจะเต็มไปด้วยน้ำตาลและสารเคมีนานาชนิด ทำให้อ้วนและมีปัญหาสุขภาพตามมา การสำรวจพบว่า ในน้ำผลไม้สำเร็จรูปปริมาณ 18 ออนซ์หนึ่งแก้ว จะมีน้ำตาลอยู่ 30 กรัม ในขณะที่น้ำผลไม้แบบโซดาจะมีน้ำตาลอยู่ราวๆ 28 กรัม นอกจากนี้ ก็ยังมีคอร์นไซรัป เด็กซ์โตรส, ฟรุคโตส รวมทั้งปริมาณน้ำผลไม้เข้มข้นที่ผสมอยู่ด้วย มันจึงไม่ได้ “สด” อย่างที่คุณคาดหวัง
วิถีธรรมชาติ: ทำน้ำมะนาวดื่มเองโดยใช้น้ำมะนาวคั้นจากผล ผสมกับน้ำสะอาดและสเตเวีย (stevia) ซึ่งเป็นหญ้าหวานจากธรรมชาติ ที่หาซื้อได้ในร้านขายผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วไปจะดีกว่า หรือไม่ก็ดื่มชาสมุนไพรใส่น้ำผึ้งธรรมชาติ, น้ำมะพร้าวสดจากผลของมัน หรือทำน้ำแช่ผลไม้สดต่างๆเช่น สตรอเบอร์รี่, เลมอน, หรือสมุนไพรต่างๆที่เรียกว่า อินฟิวชั่น ดื่มเพื่อความสดชื่นและสุขภาพดี
2. โฮลเกรนสำเร็จรูป: เป็นอาหารที่เสี่ยงต่อระบบการย่อยมากที่สุด จากส่วนผสมของกลูเตน แป้งมันสำปะหลัง และกรดไฟติก (phytic acid) ที่พบในส่วนผสมของขนมปังจากข้าวสาลี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสารที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อของร่างกาย นอกจากนี้ มันยังยากที่ร่างกายจะดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินจากมันอีกด้วย ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบเหล่านี้ที่ควรระวังได้แก่ ขนมปัง, พาสต้า, ซีเรียล, แคร็กเกอร์,ขนมหวาน, ขนมขบเคี้ยวต่างๆ และกราโนลาบาร์สำเร็จรูป
วิถีธรรมชาติ: เลือกขนมปังที่ทำจากเมล็ดสเปราท์ที่มีชื่อว่า Ezekiel หรือขนมปังที่ทำจากแป้งยีสต์หมักที่เรียกว่า ซาวร์โด (Sourdough) หรือผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากแป้งมะพร้าวแทนแป้งสาลี ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีไฟเบอร์สูงและมีกรดไขมันที่ร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่า
3. สารทดแทนความหวานวิทยาศาสตร์: แอสพาแตม (Aspartame) ได้ถูกพบว่าเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพมากมายถึง 92 เรื่องด้วยกัน ในขณะที่สารซูคราโลสและแอสพาแตม จะไปกระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้เพิ่มความอยากบริโภคคาร์โบไฮเดรตมากขึ้นด้วย
วิถีธรรมชาติ: สเตเวีย( Stevia) เป็นหญ้าหวานที่ให้ความหวานธรรมชาติและไม่มีแคลอรี่ หรือใช้น้ำผึ้งธรรมชาติจะดีกว่า
4. น้ำมันคาโนลา (Canola Oil): น้ำมันนี้จะไปชลอระบบการเผาผลาญไขมัน ทำให้เกิดการสะสมไขมันที่ร่างกายไม่ต้องการเอาไว้ นอกจากนี้ มันยังถูกผลิตโดยการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในส่วนผสม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโมเลกุลโครงสร้างและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ทั้งยังขัดขวางการทำงานของระบบเมตาบอลิซึ่มและฮอร์โมนต่างๆ
วิถีธรรมชาติ: น้ำมันมะพร้าว มีกรดไขมันที่ดีในปริมาณสูง ช่วยให้ระบบเผาผลาญอาหารมีประสิทธิภาพดี
5. เนยถั่ว: ถั่วลิสงส่วนมากมักปลูกในดินและเก็บไว้ในไซโลที่มีความชื้นสูง ทำให้มีโอกาสเกิดเชื้อราอะฟลาท็อกซิน ซึ่งมีผลต่อปัญหาของลำไส้ที่เชื้อรานี้จะไปรบกวนจุลินทรีย์โปรไบโอติค ทำลายระบบการย่อย นอกจากนี้ ถั่วลิสง ยังอุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า -6 ที่ทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
วิถีธรรมชาติ: เลือกเนยหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วอัลมอนด์ ที่อุดมด้วยกรดอมิโน เพิ่มคุณภาพการย่อยที่ดีให้กับร่างกาย ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหารให้ดีขึ้นอีกด้วย
6. กราโนลา: ของว่างชนิดนี้ทำจากธัญพืชและน้ำตาลเป็นหลัก และบ่อยครั้งที่น้ำผึ้งที่ใช้ในกราโนลาก็ถูกพบว่ามันไม่มี สารอาหารที่มีประโยชน์ใดๆ เนื่องจากได้ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ด้วยความร้อนสูงมาแล้ว ในกราโนลา ยังประกอบด้วยสารกลูเตน, กรดไฟติกที่เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อของร่างกาย และน้ำผึ้งสำเร็จรูป ทั้งหมดคือจุดจบของระบบการเผาผลาญอาหารของคนที่บริโภคมันเข้าไป
วิถีธรรมชาติ: มาทำกราโนลาบริโภคเองกันดีกว่า แช่เมล็ดอัลมอนด์, มะม่วงหิมพานต์, ถั่วพีแคนและเมล็ดเจียในน้ำสะอาด 8 ชั่วโมง จากนั้นนำมาตากให้แห้ง ผสมกับน้ำผึ้งธรรมชาติ, ลูกเกด, เกล็ดมะพร้าว, อบเชยและถั่วที่ผสมเกลือทะเล ตัดเป็นชิ้นๆเข้าเตาอบหรือเครื่องอบอาหารแห้ง เท่านี้ก็ได้กราโนลาที่มีประโยชน์ไว้บริโภคแล้ว
เพราะอาหารคือจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดี คำว่า “You are what you eat” ยังคงใช้ได้ดีเสมอ การอ่านส่วนประกอบของอาหารสำเร็จรูปทุกครั้งก่อนนำมันมาบริโภค คือสิ่งที่ควรทำทุกครั้งเวลาไปซื้อหาอาหาร ถ้าทำได้อย่างนี้ ก็จะทำให้คุณเข้าใจผลิตภัณฑ์ที่ซื้อไปและเลือกสรรสิ่งที่ดีอย่างแท้จริงต่อสุขภาพคุณแน่นอนค่ะ