ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคมที่เป็นช่วงของการกินเจ นอกจากเรื่องกลัวจะขาดสารอาหารแล้ว ก็มีหลายคนที่พูดให้ได้ยินว่า มีมื้อเจบางมื้อที่พอบริโภคแล้วก็รู้สึกว่าท้องอืด แน่นท้อง หรือถ้าขั้นหนักหน่อยก็ปวดท้องเป็นตะคริวในช่วงเวลาสั้นๆหลังจากบริโภคอาหารมื้อเที่ยง ก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังเพื่อให้ได้เรียนรู้เรื่องนี้ ที่สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการที่เราได้นำอาหารที่ไม่มีความลงตัวในศาสตร์ของการผสมผสานอาหารมารวมเข้าไว้ด้วยกันนั่นเอง
เรื่องราวของศาสตร์แห่งการผสมผสานอาหารหรือ food combination คือการรวมกันของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของโภชนาการ เพื่อให้เราเข้าถึงสภาวะทางเคมีของอาหารที่บริโภคเข้าไปและมันถูกจับให้ผสมผสานกันในกระบวนการย่อย การจับคู่อาหารที่มีส่วนประกอบสอดคล้องกัน ก็จะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด ได้พลังงานเต็มที่และมีการย่อยสลายของอาหารที่ดีกว่า ทั้งในเรื่องอัตราส่วนของสารอาหารที่ถูกย่อย และความหลากหลายของเอนไซม์ที่จะได้รับก็ครบถ้วนกว่าด้วย
กฎของการผสมผสานอาหาร ( Food Combination Rules)
สิ่งที่ควรรู้ก็คือ ร่างกายของเรามีความสามารถในการย่อยอาหารแต่ละชนิดได้ไม่เท่ากัน การเข้าใจการผสมผสานอาหารเบื้องต้นข้อนี้จะช่วยลดปัญหาให้ง่ายขึ้น และความสามารถในการย่อยอาหารของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันด้วย ในขณะที่บางคนสามารถย่อยอาหารที่บริโภคเข้าไปได้ง่ายๆไม่มีปัญหา แต่ระบบการย่อยของบางคนก็เกิดการสะดุด และมีอาการท้องอืดเมื่อบริโภคอาหารที่ไม่ได้มีการผสมผสานตามหลักที่เหมาะสมนั้นๆ กฎง่ายๆของการผสมผสานอาหารก็คือ: 1. หากคุณรู้สึกว่ากินเจแล้วท้องอืด ก็ไม่ควรผสมผสานอาหารแป้งและโปรตีนเข้าด้วยกัน เพราะจะทำให้ระบบการย่อยทำงานช้าลง ทั้งอาจทำให้เกิดการหักล้างกันของสารอาหารที่มีประโยชน์ที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ ด้วยเหตุนี้ จึงควรให้เวลาในการวางแผนผสมผสานอาหาร และควรมีออกแบบล่วงหน้าหากอาหารมื้อนั้นของคุณมีแป้งหรือโปรตีนเป็นส่วนประกอบหลัก 2.หลังจากที่รู้ว่าส่วนประกอบหลักของอาหารจานนั้นของคุณคืออะไรแล้ว ก็สามารถเติมผักลงไปได้หลากชนิดตามที่คุณชอบ แต่ให้เก็บผักที่เป็นกลุ่มแป้งอย่างเช่นมันฝรั่ง ข้าวโพด มันต่างๆ ควินัว ฯลฯ เอาไว้ใช้สำหรับเมนูที่เป็นแป้งเป็นหลักเท่านั้น ไม่ควรนำมันมาผสมผสานกับเมนูที่ใช้โปรตีนเป็นหลัก 3. ให้บริโภคผลไม้ต่างๆแยกออกมาต่างหาก ไม่ควรผสมผสานมันเข้าไปในอาหารจานนั้น และควรบริโภคก่อนหรือหลังมื้ออาหารของคุณเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องทำตามกฎเหล่านี้ตลอดเวลา แต่ให้นึกถึงมันเอาไว้ในช่วงระหว่างวัน เมื่อคุณต้องการตัวช่วยพิเศษเกี่ยวกับเรื่องของระบบการย่อยที่ดี
ความเหนื่อยล้าประจำวันกับระบบลำไส้ของคุณ:
มีการศึกษาหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า ความเหนื่อยล้า คือสาเหตุหนึ่งของการชลอตัวลงของแบคทีเรียชนิดดีที่มีในระบบการย่อย และในเดียวกัน ความเหนื่อยนี้ก็จะไปเพิ่มจำนวนแบคทีเรียชนิดเลวที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อให้มากขึ้นด้วย และเมื่อสุขภาพที่ดีของระบบย่อยอาหารของร่างกายมีบทบาทสำคัญกับความงาม สิ่งนี้จึงส่งผลไปถึงผิวพรรณที่ดูสวยกระจ่างใส, น้ำหนักตัวที่เหมาะสม, อารมณ์รื่นรมย์มีความสุข, และระบบภูมิคุ้มกันที่ดี เมื่อทุกอย่างต่อเนื่องกันไปหมด นอกจากการวางแผนการกินเจเพื่อให้ได้สุขภาพที่ดีแล้ว จึงสำคัญที่เราจะต้องวางความเหนื่อยล้าจากพฤติกรรมที่ทำอยู่เป็นประจำทุกวันลงให้ได้ ด้วยการฝึกหัดหาพื้นที่สงบผ่อนคลายให้กับชีวิตของเราด้วยในแต่ละวัน พื่อให้ระบบการย่อยมีประสิทธิภาพไม่เกิดการแปรปรวน
เติมขมิ้นและพริกไทยดำลงในเมนูเจ:
ขมิ้นและพริกไทยดำ เป็นเครื่องเทศสองชนิดที่ไม่ได้ถูกห้ามในการกินเจ และเมื่อสองสิ่งนี้มาอยู่คู่กัน ก็จะเกิดผลดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้นกว่าการอยู่เดี่ยวๆอย่างมาก เพียงผงขมิ้นป่นจำนวนเล็กน้อยถูกโปรยลงในอาหาร ก็จะไปเติมผลกำไรแห่งความงามที่สำคัญๆให้คุณอย่างมากมาย รวมถึงช่วยลดการติดเชื้อและช่วยเพิ่มปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระให้ด้วย และหากคุณใช้มันร่วมกับพริกไทยดำป่นแล้วละก็ การศึกษาพบว่ามันจะเพิ่มการดูดซึมคุณสมบัติดีๆของขมิ้นที่จะเข้าสู่ร่างกายให้มากขึ้นอย่างมหัศจรรย์ถึง 2000 % เลยทีเดียว แม้จะเป็นพริกไทยดำป่นเพียงเล็กน้อยที่ถูกผสมลงไป นี่คือเคล็ดลับความงามและสุขภาพดีที่ทำได้ไม่ยากในการกินเจนี้
เติมพลังเตรียมรับฤดูหนาวให้สมูตตี้เจ:
เพิ่มพลังให้กับสมูตตี้หวานๆง่ายๆแบบธรรมดาที่เคยดื่มในช่วงหน้าร้อน เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายให้รับมือกับสภาวะอากาศที่กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาว ด้วยการเติมเมล็ดเจีย ( chia seed) 1-2 ช้อนโต๊ะ ลงในสมูตตี้รสโปรดของคุณทุกๆแก้ว วิธีนี้จะเพิ่มพลังให้กับร่างกาย ทั้งยังทำให้คุณมีผิวพรรณที่ดีขึ้นในช่วงหน้าหนาวนี้ด้วย เมล็ดเจียอุดมด้วยกรดไขมันที่มีประโยชน์สำหรับผิวสวย ช่วยต้านการติดเชื้อและฟื้นฟูแร่ธาตุในร่างกาย ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยให้คลายความเหนื่อยล้า แค่คุณบริโภคมันให้ได้ในปริมาณ 4 ช้อนโต๊ะต่อวัน
เตรียมร่างกายให้พร้อมกับมื้อเจ:
กุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ระบบการย่อยที่พร้อมและการมีผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ก็คือการที่จะต้อง “ตั้ง”ระบบการย่อยที่ดีให้กับตัวเองก่อนมื้ออาหาร ด้วยการดื่มน้ำสะอาดอุณหภูมิห้อง 15 นาทีก่อนที่จะบริโภคอาหาร การทำแบบนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับลำไส้และระบบการย่อยของคุณ และนอกจากนี้ คุณต้องตัดจากการวุ่นวายกับคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ทีวี และความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงทำงานก่อนหน้านี้ด้วย ก็แค่หายใจลึกๆเพื่อลดความเหนื่อยล้าที่มีอยู่ และใช้ชีวิตกับปัจจุบันว่านี่คือถึงเวลาอาหารที่คุณต้องหยุดคิดเรื่องงานได้แล้ว เมื่อทำแบบนี้ได้คุณก็จะสามารถนั่งลงที่ร้านและเลือกอาหารที่ดีต่อร่างกายได้ โดยปราศจากอารมณ์ด้านลบมาทำให้เกิดความผิดพลาด ลองทำแบบนี้ทุกครั้งก่อนนั่งลงบนโต๊ะอาหารสักสัปดาห์ แล้วจะสังเกตพบความแตกต่างของระบบการย่อยที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นมื้อใดก็ตาม
บริโภคผักในตระกูลกะหล่ำให้มากขึ้น:
ผักกะหล่ำชนิดต่างๆ รวมทั้งบร็อคโคลี, กะหล่ำปลี, ผักกวางตุ้ง ฯลฯ เหล่านี้ถูกจัดว่าเป็นอาหารซูเปอร์ฟู้ดของความงาม และทำให้มีสุขภาพดี ช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายต่างๆให้กับผู้หญิง เพราะผักในตระกูลนี้มีสารชื่อว่า ไอโซไธโอไซยาเนท (isothiocyanates) ซึ่งจะไปช่วยกระตุ้น Nrf2 ในร่างกาย ซึ่ง Nrf2 นี้ คือโปรตีนในเซลล์ของร่างกาย ที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เกิดการขจัดสารพิษ ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระและการอักเสบติดเชื้อต่างๆในเซลล์ ปัจจุบัน สารนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในวงการอุตสาหกรรมยา ว่ามันอาจเป็นตัวช่วยของร่างกายในแนวทางป้องกันโรคต่างๆได้ นอกจากนี้ ผักในตระกูลกะหล่ำก็ยังช่วยขจัดฮอร์โมนเอสโตรเจนส่วนเกินของร่างกาย ที่จะไปเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ได้อีกด้วย
จิบชาสมุนไพรช่วยระบบการย่อย:
อย่าลืมตุนชาสมุนไพรไว้ในครัวเพื่อช่วยระบบการย่อยอาหาร สิ่งนี้ยังช่วยให้มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง เลือกชาขิงออร์แกนิก ที่มีสารช่วยการผ่อนคลายของกระเพาะอาหาร และช่วยคลายอาการของอาหารไม่ย่อย หรือคุณอาจทำชาสมุนไพรนี้ด้วยตัวเอง โดยผสมเมล็ดยี่หร่า (fennel) เข้ากับผงลูกกระวาน ( cardamom) และผงขิงอบแห้งที่หาซื้อได้ในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาใส่ลงในชาแดงหรือ ( rooibos tea)ที่ปลอดคาเฟอีนและอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ยืดหยุ่นกับการเตรียมอาหารเจ:
หลายคนบอกว่า การเตรียมอาหารเจเป็นเรื่องยุ่งยาก ซึ่งถ้าจะพูดอย่างซื่อสัตย์ เราก็ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครสนุกกับการต้องเตรียมและทำอาหารประจำวัน เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยและไม่มีแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมอาหารเจหรืออาหารธรรมดาๆ เพราะมันเป็นเวลาที่คุณต้องการพักผ่อนมากกว่า แต่ในขณะเดียวกัน ร่างกายของเราก็ต้องการอาหารที่มีประโยชน์ สิ่งที่จะทำให้คุณประนีประนอมกับสองเรื่องนี้ได้ก็คือ การหาข้อมูลร้านอาหารเจที่มีคุณภาพดีจริงๆ หรือซื้อผักผลไม้สดแบบที่เตรียมพร้อมปรุง เพื่อลดขั้นตอนการทำอาหารให้สั้นลง การใช้แอพช้อปปิ้งสินค้าอาหารจากซูเปอร์มาร์เก็ต ก็สามารถช่วยลดเวลาการจ่ายของเหล่านี้ให้คุณได้ สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องวางแผนล่วงหน้าว่ามื้อไหนจะบริโภคอะไร ทีนี้คุณก็จะมีเวลาพักผ่อนเพิ่มขึ้นและได้รับสารอาหารที่ดีเหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเตรียมหรือทำอาหารด้วยตัวเองทุกครั้ง
สุดท้ายก็คือเตือนกันว่า อาหารต้องห้ามสำหรับการกินเจได้แก่ กระเทียม หอม กุ้ยช่าย อาหารรสจัด ซึ่งเป็นอาหารที่มีกลิ่นรุนแรงทำให้มีผลต่ออารมณ์ นอกจากนี้ การกินเจให้สุขภาพดีก็คือการควบคุมปริมาณอาหารทุกอย่างให้เหมาะสม เลี่ยงของทอดและแป้งที่จะเพิ่มน้ำหนักตัว รวมทั้งอาหารมันจัด รสเค็มจัด และควรล้างผักผลไม้ที่บริโภคให้แน่ใจว่าสะอาดจริงๆ และอย่าลืมการออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตจากอาหารเจได้สะดวกขึ้น หวังว่าเรื่องราวที่เล่าในวันนี้ จะช่วยให้กินเจแบบสุขภาพดีด้วยกันทุกท่านนะคะ
Copy right © 2016 The Editors. All right reserved.
For Advertising Contact
086-3260374
, 081-7856188