“พุง” หรือไขมันหน้าท้อง เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากได้ แต่จริงๆแล้ว การมีมันบ้างเล็กน้อยกลับเป็นสิ่งดีเสียด้วยซ้ำ เพราะประโยชน์อย่างหนึ่งของมันก็คือ ช่วยป้องกันกระเพาะอาหาร, ลำไส้เล็กและอวัยวะอื่นๆในช่องท้องของเราซึ่งล้วนแต่บอบบาง แต่ถ้าหากมีมากเกินไป ก็ทำให้เรามีปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน เพราะเซลล์ไขมันชนิดหนึ่งที่เพิ่มขึ้นในท้องของเรา เรียกว่า ไขมันวิสซีรัล (visceral fat) นี้จะไปผลิตเซลล์ไขมันที่ชื่อว่า อาดิโพส (adipose) ที่ทำหน้าที่สะสมไขมันอยู่ใต้ผิวหนัง และสารเคมีชื่อว่า อาดิโพคีน (adipokine) ซึ่งเป็นสารที่หลั่งออกมาจากเซลล์ไขมันดังกล่าว เมื่อสารนี้เดินทางเข้าสู่กระแสโลหิตและอวัยวะภายในร่างกาย ก็จะเกิดการติดเชื้อซึ่งก่อให้เกิดโรคหลายชนิดเช่น โรคหัวใจและเบาหวาน
แต่ไม่ต้องกังวลมากไป เพราะไขมันที่ว่านี้ จะหายไปได้ด้วยการออกกำลังกาย และในการออกกำลังกายทุกๆครั้ง ก็พบว่าเจ้าไขมันตัวนี้จะถูกเบิร์นออกไปเป็นสิ่งแรก แต่อย่างไรก็ตาม มันก็มีเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าพุงนี้จึงยังติดอยู่กับร่างกายคุณ …มาดูกัน!
1. คุณกำลังไดเอ็ตแบบไขมันต่ำ: การไดเอ็ตนี้ก็เป็นสิ่งดี แต่ถ้าจะกำจัดหน้าท้องของคุณ ก็ต้องเจาะจงไปด้วยว่ามันต้องเป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเท่านั้น มีกรณีศึกษาของนักวิจัย ที่ให้อาสาสมัครเปลี่ยนการบริโภคมาเป็นการไดเอ็ตด้วยอาหารกรดไขมันอิ่มตัวนี้ในปริมาณ 1,600 แคลอรี่ ผลก็คือ อาสาสมัครกลุ่มนี้สามารถลดหน้าท้องลงได้ถึง 1 ใน 3 ภายในเวลา 1 เดือน นอกจากนี้ การบริโภคอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ยังช่วยให้คุณบริโภคอาหารด้อยคุณภาพในปริมาณน้อยลงอีกด้วย วิธีจัดการ: บริโภคอาหารที่อุดมด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเช่นถั่วเปลือกแข็ง 1 กำมือ, น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ หรืออโวคาโด ¼ ผล ในทุกๆมื้ออาหารหรือเป็นของว่าง
2. คุณรู้สึกเหงาหรือเศร้าอยู่บ่อยๆ: ผู้หญิงที่เศร้าหดหู่ มีแนวโน้มมีหน้าท้องได้มากกว่าผู้หญิงที่ไม่สะสมความรู้สึกนี้อยู่นานๆ นี่คือการค้นพบของมหาวิทยาลัยรัช ยูนิเวอร์ซิตี้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ของชิคาโก สหรัฐอเมริกา (Rush University Medical Center) ซึ่งระบุว่าอาจเป็นเพราะความหดหู่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำกิจกรรมร่างกายที่ลดลงและการบริโภคอาหารในปริมาณและคุณภาพที่ไม่เหมาะสม วิธีจัดการ: ไปออกกำลังกาย! มันจะช่วยพัฒนาระดับของสารเคมีในสมอง ซึ่งจะไปเพิ่มประสิทธิภาพระบบการย่อยสลายไขมันในร่างกายให้ดีขึ้น และช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นด้วย
3. คุณบริโภคอาหารสะดวกซื้อแบบง่ายๆเป็นประจำ: อาหารพวกนี้มักทำจากคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวหรือ Simple carb ที่ร่างกายจะย่อยสลายให้กลายเป็นน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่ายๆ เช่นพวกข้าวขัดขาวต่างๆ บะหมี่สำเร็จรูป เค้กคุกกี้ ยิ่งถ้าตามเติมด้วยน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้รสหวาน ก็จะยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน กระตุ้นให้เกิดการไหลท่วมของอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะทำให้ตับของคุณสะสมไขมันเอาไว้ที่หน้าท้อง วิธีจัดการ : ตัดอาหารขยะออกไปและตั้งใจจริงจังที่จะเพิ่มสิ่งดีๆให้กับสุขภาพด้วยการบริโภคคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนให้มากขึ้นเช่นพวกข้าวกล้อง, โฮลวีต, ผักใบเขียวชนิดต่างๆ คิดง่ายๆว่า ถ้าร่างกายคุณเป็นรถยนต์ ให้เติมน้ำมันให้กับมันด้วยถเชื้อเพลิงคืออาหารที่มีคุณภาพสูง
4. คุณขาดแร่ธาตุสำคัญ: แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทอย่างมากกับระบบการทำงานกว่า 300 ระบบของร่างกาย จากการวิจัยในปี 2013 พบว่าผู้ที่บริโภคแร่ธาตุชนิดนี้เพียงพอ จะมีระดับของน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลินในร่างกายที่ต่ำกว่า วิธีจัดการ: บริโภคอาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียมเช่นพวกผักใบสีเขียวเข้ม, กล้วยหอม และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
5. คุณดื่มเครื่องดื่มโซดาไดเอ็ต: มีงานวิจัยเกี่ยวกับโรคเบาหวานที่พบว่า เครื่องดื่มไดเอ็ตโซดาชนิดต่างๆมีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้บริโภคมีเปอร์เซ็นต์การสะสมของไขมันหน้าท้องได้มากกว่า ซึ่คาดว่าเป็นเพราะคนที่ดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้มักจะคิดผิดเรื่องปริมาณของแคลอรี่ ทำให้บริโภคมันมากเกินไป วิธีจัดการ: ถ้าหากคุณเลิกดื่มมันไม่ได้ ก็ให้ไปลดจำนวนแคลอรี่ของอาหารอื่นๆที่คุณบริโภคเข้าไปแทน
6. คุณหลงรักเบอร์เกอร์: เมื่อนักวิจัยชาวสวีเดนได้ให้กลุ่มอาสาสมัครที่เป็นผู้ใหญ่เพิ่มจำนวนแคลอรี่ในอาหารที่บริโภคประจำวันขึ้นไปอีก 750 แคลอรี่ โดยให้เพิ่มอาหารหลักเป็นกลุ่มไขมันอิ่มตัว และอีกกลุ่มหนึ่งให้เพิ่มแคลอรี่ในจำนวนเท่ากัน แต่เป็นกลุ่มอาหารแบบไขมันเชิงซ้อนแบบไม่อิ่มตัว เป็นเวลา 7 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่บริโภคไขมันอิ่มตัว จะมีไขมันวิสซีรัลหน้าท้องสะสมมากกว่าเป็น 2 เท่า วิธีจัดการ: เลือกอาหารเย็นเป็นปลาที่อุดมด้วยกรดไขมันโฮเมก้า-3 เช่นแซลมอนหรือปลาเทร้าท์ สัปดาห์ละครั้งเพื่อให้ได้กรดไขมันเชิงซ้อนแบบไม่อิ่มตัวอย่างเพียงพอ ทั้งให้ลดการบริโภคเนื้อสัตว์แดงและมุ่งไปที่อาหารโปรตีนจากเนื้อไก่ลอกหนังและถั่วเปลือกนิ่มชนิดต่างๆ
7. คุณคิดว่าผู้หญิงดื่มเบียร์แล้วไม่อ้วน: การวิจัยในปี 2013 นักวิจัยชาวเดนมาร์คพบว่าเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่มีผลกับไขมันหน้าท้องที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคเบาหวาน และปริมาณของแอลกอฮอล์ของเครื่องดื่มใดๆก็ตามที่ผู้หญิงดื่มเข้าไปก็จะสามารถทำให้เกิดน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ทั้งนั้น วิธีจัดการ: ถ้าเลิกดื่มไม่ได้ ก็ให้ดื่มมันไม่เกินเจ็ดแก้วหรือน้อยกว่านั้นต่อหนึ่งสัปดาห์ เพื่อให้คุณมีแนวโน้มของน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้น้อยกว่า
8. คุณอยู่ในช่วงหลังวัยทอง: ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปของวัยทองทำให้ผู้หญิงมีหน้าท้องเพิ่มขึ้น แต่การเล่นโยคะอย่างหนักหน่วงสามารถช่วยเรื่องนี้ได้ การศึกษาเมื่อปี 2012 พบว่าผู้หญิงช่วงหลังวัยทองที่เล่นโยคะวันละหลายๆชั่วโมงเป็นเวลา 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกัน 16 สัปดาห์ จะสามารถลดเส้นรอบเอวลงได้มากกว่า 1 นิ้ว วิธีจัดการ: แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นแฟนคลับของโยคะ ก็ลองใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมงทำกิจกรรมออกกำลังแบบที่คุณชอบ ที่มันจะช่วยลดฮอร์โมนความเหนื่อยล้าของคุณลงได้
9. สีสันอาหารของคุณดูจืดชืดเกินไป: ผักและผลไม้ที่เต็มไปด้วยสีสันที่สดใส จะเต็มไปด้วยวิตามินซี ซึ่งจะช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติโซล ฮอร์โมนแห่งความเหนื่อยล้า จากการระบุในนิตยสาร The Journal of Nutrition ว่า คนที่บริโภคโภชนาการที่มีสีแดง สีส้ม และสีเหลืองให้มากกว่า ก็จะได้รับผลคือการมีรอบเอวที่เล็กกว่าด้วย วิธีจัดการ : เติมสีสันลงในจานอาหารด้วยการโปรยมะเขือเทศหั่นหรือซัลซาซอสลงไปบนเหนือชิ้นปลานึ่งของคุณ หรือโยนพริกหวานหั่นชิ้นเล็กๆลงไปในชิ้นไก่ต้มของคุณดูสิ
10. คอร์สออกกำลังกายของคุณไม่เรียกเหงื่อเท่าที่ควร: การออกกำลังกายแบบ high-intensity interval training หรือ HIIT ที่เน้นการเผาผลาญด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักหักโหม จากนั้นตามด้วยช่วงสั้นๆของการออกกำลังแบบผ่อนคลายน่มนวลเพื่อการพักผ่อน – แบบนี้จะช่วยเป็นผลกำไรของการทำเส้นรอบเอวให้ลดลง ทั้งได้ผลดีกว่าในการช่วยลดอินซูลิน ไตรกลีเซอไรด์และคอร์ติซอล ช่วยให้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าในเวลาที่น้อยกว่าด้วย วิธีจัดการ : ถ้าหากคุณสนุกกับการปั่นจักรยานหรือการวิ่ง ก็ให้ยกระดับความเร็วของมันให้มากขึ้นกว่าปกติ ทำแบบนี้ในช่วงเวลาสั้นๆสัก 2-3 นาที แล้วจึงค่อยๆลดลง จากนั้นก็ทำซ้ำๆแบบนี้อีกจนกว่าจะรู้สึกว่าเพียงพอ
Copy right © 2016 The Editors. All right reserved.
For Advertising Contact
086-3260374
, 081-7856188