เบรกเที่ยวในกรุงปารีส ตอนที่ 6
By Paul Sansopone
และที่นี้เราก็มาทำความรู้จักสถาปัตยกรรมสำคัญๆ ช่วงยุคกลางของกรุงปารีสกัน
สถาปัตยกรรมแบบโรมันเนส (Romanesque)
วิหารเซ็นต์ปีเตอร์แบบโรมันเนสที่มงมาตร์ที่ชื่อ Saint-Pierre de Montmartre
สถาปัตยกรรมยุคกลางของปารีสที่ยังอยู่ดี ส่วนใหญ่มักเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับความเลื่อมใสอย่างแรงกล้าในศาสนา เพราะตอนต้นยุคกลางถือเป็นยุคมืดหรือยุคแห่งความยากลำบากต้องการความหวังและที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางใจ ทำให้การก่อสร้างโบสถ์วิหารทำออกมาได้อย่างยิ่งใหญ่เพราะแรงศรัทธา โดยในยุคกลางช่วงแรก (ก่อนปี ค.ศ 1000) วิหารจะออกมาในสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ที่เรียกว่า Romanesque ซึ่งตอนนั้นเทคนิคการก่อสร้างจะมาจากพวกโรมัน โบสถ์วิหารจะเป็นลักษณะที่เป็นกำแพงหนาทึบเพราะตัวกำแพงต้องรับน้ำหนักหลังคาวิหารด้วย ทำให้มืดแสงเข้าได้น้อย ส่วนซุ้มประตูหรือหน้าต่างก็จะโค้งเป็นตัว U คว่ำ (Round Arches) รับน้ำหนักรับแรงเครียดหรือstressได้แบบมีขีดจำกัด
Saint-Pierre de Montmartre
หากสร้างอาคารสูงมากๆ หรือบริเวณนั้นมีการสั่นสะเทือนเพราะอยู่ในเขตแผ่นดินไหวมักถล่มง่าย อย่างไรก็ตามวิหารยุคกลางซึ่งถือว่าเป็นวิหารแห่งแรกๆ ของกรุงปารีสหรือพูดอีกอย่างก็คือวัดที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ของปารีสที่ต้องไปชมก็คือ
อารามแซงแฌแมงเดเพร Église et abbaye Saint-Germain des Prés
ภาพเขียน Abbey of Saint-Germain-des-Prés ในสมัยแรก
สถานที่ตั้งของวิหาร แซงแฌแมงนั้น เคยเป็นสุสานของกษัตริย์เนอเตรีย Nuestria จากราชวงศ์เมโรวีเฌียงแห่งอาณาจักรแฟรงค์ หรือ ฟรังซ์ มาก่อนในช่วงศตวรรษที่ 5 ต่อมาวิหารได้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 ยุคสมัยของพระโอรสกษัตริย์ Clovisที่ 1ที่พระนามว่า ชิลเดแบร์ที่ 1, Childebert I (ครองราชย์ในช่วง ค.ศ 511–558) ซึ่งกษัตริย์พระองค์นี้ท่านได้ไปรบชนะที่เมือง Saragossa ที่อยู่ในเขต Aragon ของสเปนแต่ไม่ยึดเมืองเพื่อเป็นการขอบคุณที่ชาวเมืองได้ให้เสื้อคลุมของนักบุญ Vincent และยังได้เศษไม้ที่เป็นส่วนหนึ่งของไม้กางเขนที่ใช้ตรึงพระเยซูมาด้วยจึงต้องการสร้างสถานที่บูชา (Shrine) ของขลัง (Relic)หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 ชิ้นนี้ โดยตั้งอยู่ในจุดที่พระองค์สามารถมองเห็นจากวังของพระองค์ที่เกาะซิเต้ซึ่งเป็นที่มาของการสร้างวิหาร ณ จุดนี้ด้วย เพราะท่านสามารถมองข้ามแม่น้ำเซนมาก็จะเห็น
แต่วิหารนี้กลับไม่ได้ใช้ชื่ออุทิศให้แซงค์แวงซง (นักบุญ Vincent) เนื่องจากในวันที่สร้างเสร็จพระราชาชิลเดแบร์ที่ 1 สวรรคต จึงมาใช้ชื่อวิหารว่าแซงแฌแมง (St.Germain) ตามชื่อนักบุญ Germain ที่เป็นพระราชาคณะ หรือ Bishop แห่งปารีสในขณะนั้น แต่วัดแห่งนี้ต่อมาก็มีเหตุการณ์หลายครั้งเช่นเคยถูกยึดโดยพวกไวกิ้งและเผาทำลายจึงมีการสร้างต่อเติมกันหลายครั้งหลายสมัย ที่เป็นต้นฉบับจริงๆ จะอยู่บริเวณมุมตึกซ้ายด้านใน หากยืนหันหน้าเข้าจากหน้าวิหาร นอกนั้นทำใหม่เลียนแบบพิมพ์เดิมทั้งหมดและยังมีที่ไม่ทำขึ้นใหม่ก็คือส่วนที่ที่เป็นกุฏิของพระหรือบาทหลวง Monastery นั้นเคยถูกนำไปใช้เป็นที่เก็บดินปืนในช่วง ปฏิวัติการปกครองของฝรั่งเศสในปี 1789 แล้วเกิดระเบิดขึ้นทำให้ไม่เหลือให้เห็นในวันนี้
แต่ก็ถือเป็นวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองมีที่ดินมากมายจนมีการบริจาคที่ดินสร้างสถานศึกษาที่เก่าแก่ของปารีสแถบย่านละติน Quartier Latin แถวถนน St.Michel และย่านของวิหารเองกลายมาเป็นชุมชนที่นิยมและน่าอยู่ที่สุดในฝั่งซ้ายของปารีส
**แอบบีย์ Abbey คืออารามหรือคอนแวนต์ในนิกายโรมันคาทอลิก ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอธิการอาราม (Abbot) หรืออธิการิณีอาราม (Abbess) ซึ่งทำหน้าที่เป็นพ่อหรือแม่ฝ่ายจิตวิญญาณของเหล่านักพรตที่อาศัยในแอบบีย์
ภายในของอารามแซงแฌแมงเดเพร
วิหารเซ็นต์ปีเตอร์แห่งมงมาตร์ Saint-Pierre de Montmartre
เราคงยังไม่พูดถึงวิหารซาเครเกอเรอะ Sacré-Cœur ที่เป็นที่สุดของวิหารในปารีสอีกแห่งที่อยู่ที่Montmartre เพราะไม่ได้สร้างในยุคกลางแต่เราจะพูดถึงวิหารเล็กๆ ในสไตล์ Romanesque นั่นคือ Church of Saint-Pierre de Montmartre ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ในเขต 18 และถือว่าเป็นวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในปารีสรองจากแซงแฌแมงเดเพร St. Germain-des-Prés
ที่นี่เริ่มก่อสร้างในปี 1134 และแล้วเสร็จในช่วงศตวรรษที่ 12 โดยมีผู้ผลักดันคือสันตะปาปา อูเฌอเนียสที่ 3 Pope Eugenius III โดยสร้างทับโบสถ์ของราชวงศ์เมโรวีเฌียงเดิมอุทิศให้นักบุญปีเตอร์และนักบุญแซงเดนีส โดยการก่อสร้างเริ่มมาในแบบโรมันเนสแต่ก็พอดีเป็นช่วงสมัยรอยต่อก็เลยมีสไตล์กอติกปนอยู่ ที่นี่มีซุ้มประตูโค้งแบบแหลม Pointed Arch ที่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของสถาปัตยกรรมแบบกอติกแห่งแรก ในปารีส (1147) ในส่วนทางเดินกลางโบสถ์nave จะมีเสาหินดั้งเดิมแบบโรมันของวัดเดิมของราชวงศ์เมโรวีเฌียงหลงเหลืออยู่ ส่วนด้านหน้าคือ Western Façade นั้นมาปรับสร้างเป็นแบบ Neo-Classical Style ในปี1765 โดยล่าสุดในปี 1980 ก็มีการทำประตูสำริด 3 บานตรงทางเข้าซึ่งอุทิศให้ St. Denis, St. Peter และ Virgin Marry
สถาปัตยกรรมแบบกอติก Gothic Style
เนื่องจากการสร้างวิหารในสมัยนั้น หลักการที่สำคัญคือต้องพยายามทำให้สูงที่สุดเพื่อให้ได้เข้าใกล้กับพระเจ้าที่อยู่เบื้องสูงแต่สถาปัตยกรรมแบบโรมันเนสมีขีดจำกัดในการทำให้อาคารสูงโปร่ง จึงทำให้ใน 140 ปีต่อมา (คศ.1140) เกิดสถาปัตยกรรมแบบกอติก Gothic Style ซึ่งถือกำเนิดในฝรั่งเศสนี่เองและก็เพราะมาจากแรงศัรทธาเป็นหลักใหญ่ โดยแบบกอติกนี้คือการพัฒนาด้านวิศวกรรมมีการปรับปรุงในหลักการใหญ่ๆก็คือซุ้มประตูแบบโค้งแหลมคล้ายตัว Vตรงยอด (ซุ้ม) โค้ง (Pointed Arches) จะทำให้รับน้ำหนักและแรงเครียดลงแนวดิ่งได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนำซุ้มโค้งตั้งแต่ 2 ตัวมาไข้วกันเป็นตัว X ที่เรียกว่า Cross Vaults เป็นที่มาของ ‘เพดานสัน’ จะทำให้รับน้ำหนักหลังคาได้ดีไม่ต้องพึ่งกำแพงหนาๆ มารับน้ำหนัก
‘หน้าต่างกุหลาบ’หรือ Rose Window
โบสถ์กอติกจึงใช้กำแพงที่มีหน้าต่างเยอะๆ ได้ทำให้รับแสงได้มากและหน้าต่างก็นิยมที่จะประดับด้วย Stained Glass หรือแก้วย้อมสีที่ทำโดยการผสมสารที่แตกต่างกันให้ได้สีนั้นๆ ออกมาและมักทำเป็นภาพเรื่องราวในพระคัมภีร์เพราะผู้คนสมัยนั้นอ่านหนังสือไม่ได้ การสอนศาสนาจึงมาในรูปแบบของรูปภาพเล่าเรื่อง และมักจะมีไฮไลท์อยู่ตรงหน้าต่างทรงกลมด้านหน้าโบสถ์ที่เรียกว่า ‘หน้าต่างกุหลาบ’ หรือ Rose Window
ภาพ Stained Glass หรือแก้วย้อมสีที่มักทำเป็นภาพเรื่องราวในพระคัมภีร์
แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีปัญหาซะทีเดียวหากต้องสร้างอาคารสูงมากก็หนีไม่พ้นแรงดันแบะออกด้านนอกทำให้ต้องมีการคิดระบบค้ำยันจากด้านนอกของผนังที่ก่อบนรากฐานของ Cross Vaults ทั้งหลายเหล่านี้ ตัวค้ำยันนี้เรียกว่า ‘ค้ำยันแบบปีก Flying Buttresses’ ซึ่งจะทำหน้าที่Support ตัวอาคารจากด้านนอกเป็นตัวกระจายน้ำหนักของโครงสร้างหลังคาลงดิน เราจะสังเกตเห็นว่าโบสถ์กอติกนั้นดูจากด้านนอกเหมือนมีขาแบบแมงมุมอยู่ 2 ด้านของอาคาร และความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้โบสถ์กอติกจะมีลักษณะสูงโปร่งสง่างาม
ภาพตัวอย่างของค้ำยันแบบปีก Flying Buttresses
จึงถือว่าสถาปัตยกรรมกอติกนั้นเริ่มขึ้นในฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 12 และรุ่งเรืองต่อมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในระยะแรก สถาปัตยกรรมทรงนี้เรียกกันว่า “แบบฝรั่งเศส” (Opus Francigenum) คำว่า “กอติก” มาเริ่มใช้กันในตอนปลายยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
เอาเป็นว่าถ้าเรามาถึงปารีส เราควรต้องไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรม กอติก ให้ได้ อย่างน้อยก็ 1ใน 3 วิหาร ที่ผมแนะนำต่อไปนี้ครับ…แต่คงต้องติดตามตอนต่อไปใน City Break Paris ตอนที่ 7 นะครับ
Copy right © 2016 The Editors. All right reserved.
For Advertising Contact
086-3260374
, 081-7856188