รู้ไหมว่าเจ้าเครื่องดื่มนี้ทำอะไรคุณบ้างเมื่อวัยเพิ่มขึ้น
เราคงเคยได้ยินที่เขาบอกให้ “งดเหล้าเข้าพรรษา” กันในช่วงนี้ แต่ถ้าคุณได้รู้ว่า เจ้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดอะไรกับร่างกายคุณบ้างเมื่อวัยย่างเข้าเลข 30 คุณอาจจะไม่แตะต้องมันตลอดไปก็ได้!
ถึงแม้ว่าการดื่มไวน์สักแก้วสองแก้วในโอกาสพิเศษ จะเป็นเรื่องที่ใครๆเขาก็ทำกันเป็นปกติก็ตาม แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ระบบการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในร่างกายก็จะเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งหมายความว่า แม้แอลกอฮอล์ในปริมาณเพียงเล็กน้อยที่เราดื่มเข้าไป ก็จะทำให้เกิดผลเสียอันยิ่งใหญ่ต่อสุขภาพได้อย่างที่เราไม่คาดคิด ตับของเรา ที่เคยทำงานย่อยสลายแอลกอฮอล์ได้ดีเมื่อครั้งที่เราอายุน้อยๆ ก็จะทำงานได้ไม่ดีเท่าแต่ก่อน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ แอลกอฮอล์และผลข้างเคียงต่างๆของมัน ก็จะคงค้างอยู่ในร่างกายเราได้นานขึ้น” นี่คือสิ่งที่ ดร. แอนดรู รอชฟอร์ด แห่งองค์กร ดริ๊งไวส์ ได้ให้คำแนะนำ “ นอกจากนี้ เมื่ออายุเรามากขึ้น น้ำในระบบร่างกายของเราก็จะมีปริมาณน้อยลง ซึ่งเท่ากับไปเพิ่มความเข้มข้นให้แอลกอฮอล์ที่ค้างอยู่ในร่างกาย ให้เข้มข้นขึ้นกว่าเมื่อก่อนนั่นเอง”
และนี่คือสิ่งที่แอลกอฮอล์ทำกับร่างกายคุณเมื่อวัยเข้าเลข 30+:
เส้นรอบเอวของคุณ:
เมื่อวัยเข้าสู่เลข 30+ ระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกายก็จะเริ่มช้าลง ทำให้จำนวนแคลอรี่ที่จะสะสมเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะแคลอรี่จากการตกค้างของแอลอกอฮอล์ที่ไม่สามารถผาผลาญออกไปได้
“ ไวน์หนึ่งแก้วธรรมดาๆขนาด 150 มล. จะมีปริมาณแคลอรี่อยู่ที่ 430 แคลอรี่ ซึ่งมากกว่าบิสกิตชอคโกแล็ต 1 ชิ้น” นี่คือการระบุของนักโภชนาการชาวอังกฤษ อลิสัน แมคอาลิส “ เมื่อระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกายชะลอตัวลง การดื่มแอลกอฮอล์แต่ละครั้งก็จะต้องใช้เวลาและพื้นที่มากขึ้นในการเผาผลาญ และสิ่งนี้เองที่ทำให้น้ำหนักตัวของคุณเพิ่มขึ้นได้มากกว่าและเร็วกว่าเดิมเมื่อวัยเพิ่มชึ้น ดังนั้น สิ่งที่อยากแนะนำก็คือ ให้คุณคิดถึงแอลกอฮอล์ว่ามันคืออาหารขยะประเภทหนึ่ง ที่คุณจะบริโภคมันได้บ้างเป็นครั้งคราว ในปริมาณน้อยที่สุดที่จะทำได้” นี่คือคำแนะนำจากอลิสัน แมคอาลิส
ผิวพรรณของคุณ:
เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ระบบร่างกาย มันก็จะไปขยายหลอดเลือดแดง และเมื่อวัยเพิ่มขึ้น หลอดเลือดเหล่านี้ก็จะอ่อนแอและสูญเสียความสามารถที่จะหดตัวกลับมาเหมือนเดิม ทำให้ผิวเกิดรอยแดง และรอยเส้นเลือดที่ขยายตัวชัด ขึ้น “ นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังทำให้กิดความเสี่ยงของผิวในอาการแพ้ต่างๆ เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ ซึ่งเป็นโรคผิวหนังที่มักเกิดขึ้นในวัย 30 – 50 ปี ” เป็นการระบุของ ดร. ไมเคิล ริช ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังของเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ดังนั้น ถ้าหากคุณมีแนวโน้มเป็นผื่นแพ้ง่ายหรือมีผิวหน้าแดงง่ายกว่าปกติ ก็ควรจำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์ รวมทั้งอาหารที่มรสจัดต่างๆ ทั้งไม่ควรอยู่ในที่ๆมีอากาศร้อนมากๆ ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดแดงขยายตัวได้ง่ายๆ
การทำเลเซอร์ทรีทเมนท์ จะช่วยแก้ปัญหาหลอดเลือดแดงปรากฎชัดเจนได้ดี ทั้งแอลกอฮอล์ยังทำให้ผิวขาดน้ำ เกิดเป็นริ้วรอย ดังนั้น สิ่งที่ควรรู้อีกอย่างของกฎการดื่มแอลกอฮอล์ก็คือ “ ให้ดื่มน้ำตาม 1 แก้ว หลังจากการดื่มแอลกอฮอล์ 1 แก้วทุกครั้ง”
ระดับความเหนื่อยล้าในร่างกายคุณ:
เมื่ออายุน้อยๆ หลายคนมักใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวช่วยปลุกพลังงานให้ร่างกาย โดยคิดว่าเป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำกัน แต่รู้ไหมว่า จากพฤติกรรมนี้แหละที่ทำให้เมื่ออายุมากขึ้น เราก็จะใช้แอลกอฮอล์เพื่อผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน เพราะการทำแบบนี้เท่ากับคุณเริ่มต้นให้ความเชื่อถือกับแอลกอฮอล์ และนำมันมาเชื่อมโยงกับการแก้ไขความเหนื่อยล้า ทำให้คุณก็จะต้องเริ่มต้นดื่มมันเป็นประจำทุกวัน ยิ่งเราดื่มมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งกลายเป็นคนติดแอลกอฮอล์ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เพราะเราจะยึดเหนี่ยวมันมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าต้องการความผ่อนคลาย ทั้งๆที่มีทางอื่นที่ดีและเหมาะสมกว่านี้ ดังนั้น ถ้าคุณกำลังตกอยู่ในอาการขกับดักที่จะต้องออกไปชิลล์เอาท์ในตอนกลางคืนด้วยการดริ๊งค์กันเป็นประจำแล้วละก็ วิธีที่จะแก้ไขได้ง่ายๆก็คือ หยุดดื่มมันโดยเริ่มจากในบ้านของคุณก่อนเป็นที่แรก ทิ้งเหล้าทุดขวดในบ้านไปให้หมด เพราะถ้าคุณมีมันอยู่ในบ้าน คุณก็จะดื่มมันในปริมาณมากกว่าปกติ เพราะคุณเป็นเจ้าของมันทั้งขวด ” เป็นคำแนะนำจาก ศจ.ไบเกน
ตับของคุณ:
การชะลอตัวของประสิทธิภาพการทำงานของตับ คือสิ่งที่เป็นผลด้านลบจากการดื่มแอลกอฮอล์ที่จะเกิดขึ้นกับเราเมื่อวัยเพิ่มขึ้น ซึ่งบอกได้ว่า แอลกอฮอล์ มีอืมธิพลอย่างมากกับอวัยวะส่วนนี้
“มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อะซิทัลดิไฮด์ (acetaldehyde) เป็นสารที่จะถูกผลิตออกมาเมื่อแอลกอฮอล์ในร่างกายถูกย่อยสลายลงไป สารนี้เป็นพิษอย่างมากต่อเซลล์ ยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายของเราก็จะยิ่งเก็บมันเอาไว้ได้นานขึ้น สารนี้จะทำให้เกิดรอยแผลขึ้นที่ตับ และแผลนี้ก็จะลุกลามมากขึ้นจนประสิทธิภาพการทำงานของตับเริ่มลดลง แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจจนเกินไปเพราะมีข่าวดีที่จะบอกให้รู้ว่า ถึวจะดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปจนตับมีรอยแผล แต่ตับของเราก็มีความสามารถที่จะฟื้นฟูตัวเองเรื่องนี้ได้ ถ้าเรางดดื่มแอลกอฮอล์หลังจากที่ดื่มไปแล้วประมาณ 2 วัน ก็จะเป็นการให้เวลากับตับเพื่อซ่อมแซมตัวเองจากแผลดังกล่าว
“ถ้าคุณดื่มในขนาดแก้วมาตรฐานครั้งละไม่เกิน 2 แก้วต่อครั้ง และใช้เวลาหยุดพักประมาณ 2-3 วันหลังจากนั้น ตับของคุณก็จะไม่มีปัญหาไมว่าคุณจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม” ดร. โรชฟอร์ดระบุ
หัวใจของคุณ:
มีความเชื่อว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณเล็กน้อยจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ แต่ที่จริงแล้ว สำหรับผู้หญิงช่วงหลังวัยทองที่ระดับฮอร์โมนตามธรรมชาติของเพศหญิงลดลงอย่างรวดเร็ว การดื่มกลับจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจวายเฉียบพลันได้ง่ายขึ้น “สำหรับคนทั่วไป การดื่มปริมาณ 1 แก้วมาตรฐานไม่เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะไปลดความดันโลหิตให้ต่ำลง ทำให้มีผลทางบวกกับระบบหลอดเลือดแดงของหัวใจ” ดร.โรชฟอร์ดระบุ “ แต่หากดื่มมากเกินไป ก็จะทำให้คุณสมบัติการป้องกันนี้สูญหายไปด้วย”
อารมณ์ของคุณ:
อาจมีบางช่วงเวลาของชีวิต ที่เราจะใช้แอลกอฮอล์เป็นสิ่งฟื้นฟูอารมณ์ แต่จากการศึกษาของ ศจ.ไบเกนพบว่า ผลกระทบของแอลกอฮอล์ที่มีต่ออารมณ์ของเรานั้น บ่อยครั้งที่มันจะขึ้นอยู่กับเหตุผลในขณะที่เราดื่มมันเข้าไปด้วย “ ถ้าหากว่าคุณดื่มมันเพราะคุณได้รับเลี้ยงยินดีสักเรื่อง มันก็จะช่วยขยายความรื่นรมย์นั้นๆให้มากขึ้น แต่ก็อย่าลืมว่า มันก็อาจเป็นต้นเหตุของพฤติกรรมเมามายเกินขอบเขตที่เลวร้ายได้ เพราะมันไปขัดขวางการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมเรื่องความกระตือรือร้นและการมีเหตุผลตัดสินถูกผิดต่างๆ รวมทั้งการตัดสินใจ ทำให้คุณสามารถทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด นอกจากนี้ การดื่มมากเกินไปก็จะไปลดระดับฮอร์โมนเซโรโทนินในสมอง ทำให้คนติดเหล้ามักเป็นคนหงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายๆ
คำแนะนำก็คือ ให้เลี่ยงจากแอลกอฮอล์เมื่อรู้สึกว่ากำลังเจอเรื่องหนักๆในชีวิต อย่าดื่มมันเพื่อหนีปัญหา แต่ให้คุณหันไปทำสิ่งอื่นๆที่คุณรัก ก็จะช่วยเชียร์ให้คุณรู้สึกดีขึ้นอย่างยาวนานกว่า
ข่าวดีที่ควรรู้!
เมื่ออายุมากขึ้น อาการแฮงก์โอเวอร์ก็จะน้อยลงด้วย: จากการศึกษาพบว่า คนอายุ 18-29 ปี จะมีอาการแฮงก์โอเวอร์มากกว่าคนอายุ 60 ปีขึ้นไปถึง 10 เท่า ซึ่งพัฒนาการของเรื่องความต้านทานต่อแอลกอฮอล์นี้ อาจมีคำอธิบายได้ข้อหนึ่งคือเรื่องของ “ความฉลาดรู้คิด” ที่มีมากขึ้นตามวัยเป็นส่วนสำคัญ “ จากประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้ ทำให้คุณสามารถจัดการกับอาการแฮงก์นี้ได้โดยดื่มมันให้น้อยลงกว่าเดิม ซึ่งจากสถิติพบว่า คนอายุน้อยๆมักดื่มในปริมาณ 9 แก้วต่อครั้ง ในขณะที่คนอายุมากจะหยุดอยู่ที่ค่าเฉลี่ยประมาณ 6 แก้วต่อครั้ง เพราะประสบการณ์สอนให้รู้ว่าถ้าดื่มในปริมาณเท่าเดิม จะต้องพบความเลวร้ายในวันต่อมาก็เป็นได้ ” เป็นการระบุของนักเขียน ดร.ริชาร์ด สตีเฟน จากมหาวิทยาลัยคึล ประเทศอังกฤษ
Copy right © 2016 The Editors. All right reserved.
For Advertising Contact
086-3260374
, 081-7856188