กว่าจะได้หุ่นฟิตเฟิร์ม #แม่บริท Britney Spears ต้องฝึกซ้อมบอดี้วิทยายุทธถึงขั้นไหน
July 11th, 2017
ผ่านไปแล้วกับงานคอนแห่งชาติกับงานคอนเสิร์ต Britney Spears Live in Bangkok 2017 ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นของขวัญกล่องใหญ่โตให้กับบรรดาแฟนคลับทั้งไทยและทั่วโลกของเจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อป Britney Spears ที่ครองตำแหน่งตลอดกาลใน 3 โลก
ภาพคอนเสิร์ต : Britney Spears Live in Bangkok 2017 จาก BEC TERO Entertainment
งานนี้ ‘แม่บริท’ นำความบันเทิงพร้อมกับโชว์จัดเต็มแสงสีเสียง ขนทัพทีมแดนเซอร์ที่เต้นมันส์หยดเคียงข้างเธอ และอีกสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือการแต่งตัวในชุดตัวเล็กน้อยนิดแต่มีความเซ็กซี่ในชุดเอง แต่ละชุดล้วนพร้อมโชว์ทุกสัดส่วนของ ‘บริทนีย์ สเปียร์ส’ ให้อวดรูปร่างอย่างถึงที่สุด
ถ้าคุณยังจำกันได้ล่ะก็ จะมีอยู่ช่วงเวลานานพอสมควรที่อยู่ๆ เธอก็เกิดปล่อยตัวมากเป็นพิเศษ จนทำให้ต้องสูญเสียรูปร่างที่ดูเป๊ะเว่อร์นั้นไป แต่เมื่อได้ชื่อว่าเป็นศิลปินระดับโลกแล้วล่ะนะ อย่างไงก็ต้องกลับมาพร้อมทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และแล้วบริทนีย์ก็กลับมาทวงบัลลังก์คืนได้สำเร็จ
PHOTOGRAPHY: MARIO TESTINO STYLING: ROBBIE SPENCER V Magazine 2016
เธอวางแผนออกกำลังกายอย่างหนัก ยิ่งช่วงแรกๆ เห็นว่าต้องพุ่งเข้ายิมทุกวัน เทคิวเวลาทั้งหมดให้แบบเต็มสุด มีทั้งบริหารร่างกายทั้งเต้น เธอบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยซักนิด แถมยังต้องใช้ความอดทนสูงมากซะด้วย
ไม่เท่านั้นค่ะ หลายคนคงนึกว่าแค่ให้เวลาวิ่งเข้ายิมจับอุปกรณ์ต่างๆ กับการเต้นกระหน่ำ แม่บริทของเหล่าเราคงพอพึงใจในชีวิตแล้วใช่ไหม คำตอบคือไม่และไม่ เพราะเธอยังยินยอมใช้เวลาไปกับการเข้าโยคะสตูดิโอ เพื่อไปเรียนและฝึกโยคะอยู่อย่างสม่ำเสมอ ด้วยความหลงใหลในศาสตร์โยคะ และรู้ดีว่าถ้าทำจริงจังแล้วล่ะก็จะได้ทั้งเรื่องสุขภาพกาย ใจ และรูปร่างแบบเน้นๆ
วันนี้เราก็เลยตามแม่บริทมาฝีกโยคะ ขอท่าที่เธอฝึกฝนและเล่นเป็นประจำ จะมีท่าไม้ตายอะไรบ้างไปดูกัน
ท่าเรือ (Boat Pose)
เริ่มฝึกง่ายๆ ด้วยการนั่งลงกับพื้นให้หลังตั้งตรง ขาเหยียดตรง หายใจเข้า เหยียดแขนชี้ไปข้างหน้า หายใจออกแล้วเอนตัวไปข้างหลัง ค่อยๆ เกร็งหน้าท้องแล้วยกขาขึ้นจากพื้น ทำมุมประมาณ 45 องศา ปลายเท้าอยู่สูงเหนือระดับศีรษะ
จากนั้นยกแขนขึ้นให้แขนเหยียดตรงขนานกับพื้นในแนวเดียวกับหัวไหล่ พลิกฝ่ามือหันเข้าหาขา พยายามทรงตัวให้อยู่ในท่าสมดุล ให้น้ำหนักลงที่ก้น ค้างอยู่ท่านี้ประมาณ 10-20 วินาที หากฝึกจนเก่งแล้วให้ค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้นเป็น 1 นาที ถ้าเพิ่งเริ่มฝึกใหม่ๆ อาจจะยกขาเหยียดขึ้นไม่ได้นาน ให้หาผ้ายืด หรือเข็มขัดมาคล้องปลายเท้าแล้วใช้มือดึงพยุงตัวเอาไว้
ท่าพระจันทร์เสี้ยว (Crescent Lunge Pose)
ช่วยยืดเส้นของสะโพก ด้านหน้าของต้นขาและกระดูกเชิงกราน เสริมสร้างขาและกล้ามเนื้อหลัง ของแถมคือสร้างความแข็งแรงให้ไหล่ได้ด้วย ท่าพระจันทร์เสี้ยวยังช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ จึงทำให้ช่วยเร่งระบบการเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น
เริ่มต้นด้วยการโก้งโค้งตัวคล้ายท่า Downward Facing Dog จากนั้นให้ยกขาข้างใดข้างหนึ่งขึ้นชันไว้ด้านหน้า โดยที่ขาอีกข้างอยู่ด้านหลังวางราบไปกับพื้น เหยียดตัวขึ้นตรงพร้อมชูแขนทั้งสองข้างขึ้น ท่านี้ช่วยอะไร: ช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นบริเวณสะโพก, ต้นขา ข้อห้าม: หลีกเลี่ยงท่านี้ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับเข่า
ท่านักรบ 2 (Warrior II Pose)
วิธีการฝึก : ยืนตรงเท้าชิด หายใจออกช้าๆ กระโดดแยกเท้าออกกว้าง 3-4 ฟุต กางแขนออกขนานกับพื้น แล้วหมุนเท้าซ้ายไปทางซ้าย 90 องศา ส่วนเท้าขวาเฉียงมาทางซ้ายเล็กน้อย แล้วงอเข่าซ้ายลงจนสะโพกซ้ายอยู่ในระดับเข่าซ้าย เข่าซ้ายและส้นเท้าซ้ายอยู่ในแนวเดียวกันในแนวดิ่ง ขาขวาเหยียดตึง จากนั้นเหยียดแขนทั้งสองข้างกางออก แขนซ้ายไปทางซ้าย แขนขวาไปทางขวา แขนทั้งสองขนานกับพื้น หันหน้าไปทางซ้ายมองที่ปลายนิ้ว ยืดเอว ลำตัวและแขนไปทางซ้ายให้มากที่สุด ค้างไว้ 30 วินาที – 1 นาที คลายท่า แล้วสลับข้าง ทำท่าเดิม
ประโยชน์ : 1.ทำให้กล้ามเนื้อต้นขา น่อง ข้อเท้า หลัง มีความแข็งแรง 2.กระตุ้นอวัยวะในช่องท้อง 3.ลดอาการปวดหลัง
ท่าคันธนู (Bow Pose)
เริ่มจากนอนคว่ำ ให้เท้าแยกออกจากกันโดยพอประมาณ ให้หน้าผากจรดกับพื้น จากนั้นงอเข่าแล้วใช้มือทั้งสองข้างจับข้อเท้าทั้งสองข้าง ยกตัวและศีรษะขึ้น ใช้มือดึงข้อเท้าเพื่อให้ต้นขาและเข่าลอยขึ้นจากพื้น (ยกขึ้นให้สูงเท่าที่จะทำได้) และพยายามบีบขาให้ชิดติดกัน ทำค้างไว้ประมาณ 30 วินาที
ท่านี้ช่วยอะไร : สามารถกระตุ้นอวัยวะภายในบริเวณช่องท้อง(ช่วยระบายลมในท้อง) และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง, หัวไหล่, เอว ทั้งนี้ยังสามารถช่วยลดไขมันหน้าท้องและช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารได้
ข้อห้าม : ผู้มีอาการท้องร่วง ความดันต่ำ โรคหัวใจ หอบหืด ปวดศีรษะและนอนไม่หลับ ควรหลีกเลี่ยงท่านี้
ท่าอูฐ (Camel Pose)
วิธีการฝึก : 1.คุกเข่า นั่งบนส้นเท้า ปลายเท้าเหยียดตรง 2.เอามือซ้ายจับข้อเท้าซ้าย มือขวาจับข้อเท้าขวา (หรืออาจจะวางฝ่ามือบนฝ่าเท้าทั้งสองข้าง) 3.ขณะหายใจเข้าก็ยกก้นขึ้นจากส้นเท้า แอ่นหลัง ยืดหน้าท้องไปข้างหน้า และเงยศีรษะไปด้านหลังให้มากที่สุด 4.ค้างอยู่ในท่านี้ให้นานจนกระทั่งหายใจออก จึงกลับไปนั่งบนส้นเท้าเหมือนท่าเริ่มต้น 5.หากคุณจะหายใจขณะฝึกก็ให้ค้างท่านี้ไว้ 1-2 นาที
ประโยชน์ : 1.อาจจะเป็นท่าฝึกเริ่มต้นของการฝึกท่าอื่นๆเนื่องจากฝึกง่ายและมีความยืดหยุ่นสูง 2. มีการยืดกล้ามเนื้อหน้าท้อง ต้นขา น่อง กล้ามเนื้อหลังและสะโพก 3.กระตุ้นอวัยวะในช่องท้องและคอ
ข้อห้ามฝึก : ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ, นอนไม่หลับ, ปวดศีรษะไมเกรน, โรคที่กระดูกต้นคอและหลัง
เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9